9 เดือน ‘ไทยเบฟฯ’ ของ ‘เจ้าสัวเจริญ’ โกยเงิน 1.9 แสนล้าน

9 เดือน ‘ไทยเบฟฯ’ ของ ‘เจ้าสัวเจริญ’ โกยเงิน 1.9 แสนล้าน

ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ รายงานงบ บจ.ไทย มีทั้งกำไร-ขาดทุน แต่อีกหนึ่งบริษัทยักใหญ่ 'ไทยเบฟเวอเรจ' ของ 'เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี' เปิดงบผ่านตลาดหุ้นสิงค์โปร์ โกยเงินเข้ากระเป๋า 1.9 แสนล้าน !

๐ แม้ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่น้ำเมา ที่เป็นอาณาจักรของ 'เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี' ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไทย แต่ว่าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ ซึ่งงวด 9 เดือนที่ผ่านมา 'ไทยเบฟเวอเรจ' รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทที่แม้จะต้องเผชิญกับ 'วิกฤติโรคโควิด-19' ระบาดเฉกเช่นกับทุกบริษัท ช่องทางจำหน่าย ผับ บาร์ ร้านอาหาร ฯ หรือ On-Premise ปิดยาวกันข้ามปี แต่ผลประกอบการของบริษัท กลับทำออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจ เพราะ 'ยอดขาย' เติบโตได้ 1.1% และโกยเงินรวม 192,120 ล้านบาท !!  

๐ สำหรับ 'กลุ่มธุรกิจสุรา' ยังคงเป็นพระเอก ทำยอดขายเติบโตทั้ง 'เชิงมูลค่า' และ 'เชิงปริมาณ' สะท้อนว่าผู้บริโภคยังซื้อสินค้า และการบริโภคหรือดื่มยังมีอยู่ ประกอบกับสินค้าในพอร์ตโฟลิโอมีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่นให้เข้ากับร้านค้าต่างๆ หรือช่องทาง Off-premise เลยทำให้ตัวเลขยังฉลุย อีกมุมหนึ่ง สุราเติบโต ยังสะท้อนผู้บริโภคหันไปซื้อแอลกอฮอล์ 'ราคาประหยัด' มากขึ้น เพราะหากเทียบพอร์ตโฟลิโอสุราของ 'เจ้าสัวเจริญ' เหล้าขาว เหล้าสีหลักไม่กี่ร้อยบาท เป็นพอร์ตที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับพอร์ตพรีเมี่ยมนั่นเอง ขณะที่ธุรกิจสุราใน 'เมียนมา' มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหมวด 'วิสกี้' เพระรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างแข็งแกร่ง

 ส่วน 'กลุ่มธุรกิจเบียร์' ยอดขายเชิงมูลค่าโต แต่ในเชิงปริมาณ 'หดตัวลง 1.1%' เช่นเดียวกับ 'กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์' หดตัวเช่นกัน แต่ที่ยังเป็นโจทย์หิน นั่นคือ 'ธุรกิจร้านอาหาร' เพราะรายได้ดิ่งเกือบ 13% เนื่องจากสาขาในห้างค้าปลีกเจอมาตรการ 'ล็อกดาวน์' รอบแล้วรอบเล่า ตัดโอกาสการขายมหาศาล ส่วนช่องทางเดลิเวอรี่ ออนไลน์ หรือโมเดลใหม่ๆ แม้จะพยายามรุกตลาด แต่ 'กำลังซื้อ' ของผู้บริโภคไม่เอื้อมากนัก หากพิจารณาดีๆ จะรู้ว่า 'ต้นทุน' การสั่งเดลิเวอรี่สูงพอตัว

162953583572

เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี

๐ ทั้งนี้แม้ตัวเลข 'ยอดขาย' น่าสนใจแล้ว แต่ในแง่ของ 'กำไร' ต้องจับจ้องมากกว่า แต่ในรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ไทยเบฟ กลับเผยเพียงกำไรก่อนหักภาษี (EBITDA) อยู่ที่ 36,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ส่วน 'กำไรสุทธิ' จะ 'เพิ่ม' หรือ 'ลดลง' ต้องติดตามตอนปิดบัญชีงบประมาณกันอีกครั้ง !! 

๐ 'ธุรกิจร้านอาหาร' อาจไม่ใช่เซ็คเตอร์ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากวิกฤติโควิด-19 แต่ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการรัฐที่ประกาศออกมากำราบไวรัสร้ายตัวนี้ กระทบแผนงานการขับเคลื่อนธุรกิจ เลยเห็นผู้ประกอบการส่งเสียงสะท้อนกันดังเป็นระยะ จนทุกภาคส่วนหันสปอตไลท์ลงมายังธุรกิจในการแถลงข่าวของกลุ่มร้านอาหารไทยจีน ของ 'กลุ่มซีอาร์จี' 

๐ งานนี้ !! สื่อมวลชนโยนคำถามให้ 'ธนพล ธรรพสิทธิ์' ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Thai & Chinese Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ถึงประเด็นความสับสนอลหม่านของมาตรการรัฐรู้สึกอย่างไรบ้าง คำตอบจากเจ้าตัวมองบวกมากๆพร้อมหัวเราะชอบใจ เพราะงานนี้ 'ผมใช้ 84,000 พระธรรมขันธ์(พระไตรปิฎก) มาฝึกปรือให้แกร่ง หากร้านอาหารผ่านวิกฤตินี้ไปได้ คงไม่มีอะไรทำให้เกิดความย่อท้อในชีวิตแล้ว' เรียกง่ายๆว่า 'แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร' เพราะจะแกร่งสุดในโลกเลยทีเดียว 

ท่ามกลางโรคโควิด-19 ยังระบาดลามโลก และไร้วี่แววคลี่คลายทำให้นานาประเทศ เดินนโยบายที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการยุติ 'ลอกดาวน์' หันมาเปิดประเทศ ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องกำหนดทิศทางเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หนึ่งในผู้ผลิตแพลนท์เบสชั้นนำของไทย อย่างแม่ทัพ 'แดน ปฐมวาณิชย์' นายใหญ่ บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ตัดสินใจโฟกัสตลาด 'สหรัฐฯ' เต็มสูบ เนื่องจากประเทศมุ่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จนประเทศเริ่มเปิด ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตและบริโภค จนทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่ม เศรษฐกิจเองก็ขยายตัว จึงเป็นโอกาสของบริษัท

 เมื่อ 'แดน' ตกลงใจปักหมุดสหรัฐฯ ทำให้บริษัทเดินหน้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) จากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) ที่มีสินค้าจำหน่ายบน Amazon.com มาเติมพอร์ตโฟลิโอ เพื่อต่อจิ๊กซอว์ช่องทาง 'อีคอมเมิร์ซ' ให้บริษัทอีกด้วย โดยเงินจะซื้อกิจการไม่น้อยกว่า 2 ปี ใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท !! จากนี้ไปต้องติดตามแบรนด์สินค้าใหม่ๆ อะไรบ้าง จะมาเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโออาหาร

162953598384

แดน ปฐมวาณิชย์