JMT - ซื้อ (13 ส.ค.64)

JMT - ซื้อ (13 ส.ค.64)

ผลประกอบการ 2Q64: เป็นไปตามคาด

Event

กำไรสุทธิของ JMT ใน 2Q64 อยู่ที่ 289 ล้านบาท (+2% QoQ, +28% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา4% (แต่เป็นไปตาม consensus) เนื่องจากรายได้จากการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพสูงกว่าคาดการณ์กำไรสุทธิในงวด 1H64 อยู่ที่ 572 ล้านบาท (+32%) คิดเป็น 40% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

กำไรโตจาก margin ที่เพิ่มขึ้น

แนวโน้มผลการดำเนินงานของ JMT ใน 2Q64 ยังคงเป็นเช่นเดียวกับใน 1Q64 นั่นคือเน้นไปที่การซื้อสินทรัพย์ และเร่งบันทึกค่าใช้จ่ายการตัดจำหน่าย (amortization) ต้นทุนการลงทุนหนี้ด้อยคุณภาพในพอร์ต ดังนั้น ทั้งรายได้, ต้นทุน และมาร์จิ้นจึงค่อนข้างทรงตัว QoQ ในขณะเดียวกัน กำไรที่เพิ่มขึ้น
YoY เป็นเพราะมาร์จิ้น เพิ่มขึ้น (ในขณะที่รายได้ทรงตัว YoY)

ซื้อหนี้เสีย 1.3 พันล้านบาทใน 2Q64 และ 3.2 พันล้านบาทใน 1H64

สินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ JMT ซื้อเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งต่างจากใน 1Q64 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีหลักประกัน อย่างไรก็ตาม ยอดซื้อสินทรัพย์ของบริษัทยังต่ำกว่าแผนที่จะซื้อสินทรัพย์ทั้งสิ้น 6 พันล้าน ถึง หนึ่งหมื่นล้านบาทในปีนี้

สัดส่วน D/E ลดลงเหลือ 1.3x

เนื่องจากบริษัทไม่ได้โหมซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาในพอร์ต และยังมี warrant รอแปลงสภาพในช่วง 4Q63 – 2Q64 อีก ดังนั้น JMT จึงสามารถคงสัดส่วน D/E ได้ในระดับค่อนข้างต่ำ 1x เราประเมินว่า บริษัทจะสามารถซื้อสินทรัพย์เพิ่มได้อีก 1 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ยังรักษาระดับ D/E เอาไว้
ไม่ให้เกิน 1.5x ได้ ภายใต้สมมติฐานว่ามีการใช้สิทธิ์แปลง warrant เต็มจำนวนใน 3Q64

Valuation & Action

ถึงแม้ว่า JMT จะเผยว่ารูปแบบกำไรของบริษัทมักจะหนักไปที่ช่วงหลังของปี แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงจะกดดันผลการดำเนินงานใน 3Q64 และน่าจะเห็นการฟื้นตัวใน 4Q64 ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรในงวด 1H64 คิดเป็นแค่ 40% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเราเท่านั้น แนวโน้มกำไรที่สะดุดในระยะสั้น จึงจะทำให้ราคาหุ้นผันผวนได้ในระยะสั้น แต่เนื่องจากเรายังคงเชื่อว่ากำไรจะโตได้ในระยะยาว ดังนั้น เราจึงเลือกหาจังหวะซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 58 บาท (P/E ที่ 35x)