Commerce Sector (10 มิ.ย.64)

Commerce Sector (10 มิ.ย.64)

มีการสนับสนุนกำลังซื้อในทุกกรอบเวลา

Event

อัพเดตแนวโน้มอุตสาหกรรม

Impact

จะมีการสนับสนุนกำลังซื้อในทุกกรอบเวลา

เรามองว่าจะมีการสนับสนุนกำลังซื้อจากหลายปัจจัยในทุกกรอบเวลา ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นทุกตัวในกลุ่ม commerce ที่เราศึกษาอยู่ (C.P. All PCL (CPALL.BK/ CPALL TB)*, Dohome PCL (DOHOME.BK/DOHOME TB)*, Siam Global House PCL(GLOBAL.BK/ GLOBAL TB)*, Home Product Center PCL (HMPRO.BK/ HMPRO TB)* และ Siam Makro PCL (MAKRO.BK/ MAKRO PCL))

ในระยะสั้น กำลังซื้อจะถูกขับเคลื่อนโดยรายได้ภาคเกษตร: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรายงานว่ารายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1% YoY ในเดือนเมษายน 2564 (Figure 1) คิดเป็นการเติบโตประมาณ 5%YoY ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวเปลือกอยู่ที่
8,700 บาท/ตัน (-6% YoY), ราคายางอยู่ที่ 58.30 บาท/ตัน (+66% YoY) และราคาปาล์มอยู่ที่ 5.40 บาท/กก. (+87% YoY) ดังแสดงใน Figure 2 – Figure 4

ในระยะกลาง กำลังซื้อจะได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล: ทั้งนี้ รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินรวม 5.36 แสนล้านบาทสำหรับปีนี้ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 2.80 แสนล้านบาทในปี 2563 (Figure 18) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 ทั้งนี้ จากการ
คำนวณของเรา พบว่าวงเงินตามมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลสูงพอสำหรับรายได้ที่สูญเสียไป 4.64 แสนล้านบาท (Figure 20) และยังมีส่วนเกินอีกประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท

ในระยะยาว กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และภาวะเศรษฐกิจ: ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่เฟสของการมีผู้รับวัคซีนเป็นจำนวนมากตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ดังจะเห็นได้จากกรอบเวลาในการได้รับวัคซีนใน Figure 21 ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ จะมีประชากรไทย 42 ล้านคนได้รับวัคซีนภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีการกำหนด roadmap ด้านการท่องเที่ยว อย่างเช่น การใช้โมเดล Phuket sandbox ใน 3Q64F และการยกเลิกมาตรการกักตัวในแหล่งท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ (อย่างเช่น กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี, และ เชียงใหม่) ใน 4Q64F ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเราใช้สมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่ 2 ล้านคน และปีหน้าที่ 25 ล้านคน (Figure 22 – Figure 23)

Valuation & action

จากปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อในระยะสั้น (3 เดือน), ระยะกลาง (6 เดือน) และระยะยาว (12 เดือน) เราจึงยังคงคำให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม commerce ที่ Overweight โดยแนะนำซื้อหุ้นที่เราศึกษาอยู่ทุกตัวในกลุ่ม เราแนะนำให้นักลงทุนเลือกหุ้นที่สอดคล้องกับกรอบเวลาการลงทุนของตัวเอง โดยในระยะสั้น
เราแนะนำ DOHOME และ GLOBAL ซึ่งจะได้อานิสงส์จากรายได้ภาคเกษตร และราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะกลาง เราเลือก MAKRO และ HMPRO ซึ่งจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลใน 2H64 สำหรับในระยะยาว เราเลือก CPALL และ HMPRO จากแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และภาวะเศรษฐกิจ

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ,พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่คาด, การหาทำเลเพื่อเปิดสาขาใหม่