Commerce Sector (29 มี.ค.64)

Commerce Sector (29 มี.ค.64)

ประมาณการ 1Q64: กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

ประมาณการ 1Q64

lmpact

ประมาณการ 1Q64: กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 1Q64 ของหุ้นกลุ่มการพาณิชย์ที่เราดูแลอยู่ (C.P. All PCL (CPALL.BK/CPALL TB)*, Dohome PCL (DOHOME.BK/DOHOME TB)*, Siam Global House PCL (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)*, Home Product Center PCL (HMPRO.BK/HMPRO TB)*, and Siam Makro PCL (MAKRO.BK/MAKRO PCL)) จะอยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท (-21% YoY, -6% QoQ) โดยผล
การดำเนินงานที่อ่อนแอของหุ้นในกลุ่มจะมาจาก i) ฐานที่สูงใน 1Q63 ซึ่งยังเป็นสถานการณ์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นปกติ ii) การที่ COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสองในเดือนธันวาคม 2563 ทำให้มีการใช้มาตรการ lockdown อย่างอ่อน ๆ ใน 1Q64 และ iii) ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เราคาดว่า
DOHOME และ GLOBAL จะมีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่ม เมื่อเทียบ YoY และ QoQ จากรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ SSSG ของทั้งสองบริษัทเป็นบวกใน 1Q64 ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ CPALL จะแย่ที่สุดในกลุ่ม โดยคาดว่าจะกำไรจะหดตัวถึง 40% YoY และ SSSG จะติดลบถึง -15% YoY เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ บวกกับได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลอีก

กำลังอยู่บนวิถีของการฟื้นตัว

เรายังคงมองว่าธุรกิจของกลุ่มการพาณิชย์กำลังฟื้นตัว เนื่องจาก i) มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก ii) กรอบเวลาที่ชัดเจน และแผนการที่เฉพาะเจาะจงในการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นของการบริโภค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าจุดต่ำสุดของผลประกอบการกลุ่มการพาณิชย์ผ่านไปแล้ว และน่าจะเห็นกำไรฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป

Valuation & Action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มการพาณิชย์ที่ Overweight เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และภาวะเศรษฐกิจ เราเลือก C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* เป็นหุ้นเด่นของเราในธีมการกลับมาเปิดประเทศ โดยเราแนะนำ "ซื้อ" CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 84.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x และแนะนำ"ซื้อ" HMPRO โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 17.80 บาท อิงจาก PER ที่ 36.0x

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนไว้, การหาทำเลเพื่อเปิดสาขาใหม่