กลยุทธ์โซ่อุปทานเพื่อการจัดการสีเขียว
แนวทางการแก้ปัญหาการขาดความร่วมมือจากสมาชิกในโซ่อุปทานควรเริ่มจากการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ภายในโซ่อุปทานเป็นอันดับแรก
การดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นธุรกิจค้าปลีกสีเขียวอย่างแท้จริงต้องเผชิญกับอุปสรรคและความกดดันจากสมาชิกอื่น ๆ ในโซ่อุปทานเดียวกัน โดยเฉพาะประเด็นด้านความคุ้มค่าและประโยชน์จากการทำโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ซึ่งลูกค้าหรือซัพพลายเออร์รายย่อยมักจะได้รับผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินน้อยกว่ารายใหญ่ ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดความร่วมมือจากสมาชิกภายในโซ่อุปทานในการลดขยะ ของเสีย การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
แนวทางการแก้ปัญหาการขาดความร่วมมือจากสมาชิกในโซ่อุปทานควรเริ่มจากการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ภายในโซ่อุปทานเป็นอันดับแรก ซึ่งจากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่พบว่า อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์มีไม่มากนักเนื่องจากไฮเปอร์มาร์เก็ตถือเป็นช่องทางสำคัญในการจำหน่ายสินค้า ดังนั้น ในมิติของการควบคุมมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของสมาชิกที่อยู่ในส่วนต้นน้ำของโซ่อุปทานซึ่งได้แก่ ซัพพลายเออร์และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกที่ส่วนใหญ่พร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื่องจากตระหนักถึงแรงกดดันจากลูกค้าปลายน้ำที่ต้องการให้โซ่อุปทานค้าปลีกจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม การสร้างความชัดเจนให้สมาชิกในโซ่อุปทานเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังถือเป็นสิ่งสำคัญที่โซ่อุปทานจะละเลยไม่ได้ เนื่องจากการสร้างความร่วมมือด้านความยั่งยืนในระยะยาวต้องอาศัยการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual Benefit) ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าซัพพลายเออร์และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกจะต้องมีการปรับกระบวนการทำงานและลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการสร้างขยะและก๊าซพิษจากกระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ก่อให้เกิดต้นทุนและส่งผลให้กำไรต่อหน่วยสินค้าลดลงตามไปด้วย (ถ้าหากไม่ทำการขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะไปลดขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ) ดังนั้น ไฮเปอร์มาร์เก็ตจึงต้องสามารถสะท้อนให้สมาชิกในโซ่อุปทานเหล่านี้เห็นถึงโอกาสที่โซ่อุปทานจะขายสินค้าได้มากขึ้นจากการที่ลูกค้าตระหนักรู้จนเกิดเป็นความพึงพอใจต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของไฮเปอร์มาร์เก็ต
และเพื่อไม่ให้การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปลดทอนจุดแข็งด้านราคาของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต กลยุทธ์ที่โซ่อุปทานควรใช้เพื่อสนับสนุนการเป็นโซ่อุปทานสีเขียวคือ กลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพของต้นทุน หรือ Cost Efficiency ซึ่งเป็นกลยุทธ์โซ่อุปทานที่มีความสอดคล้องกับแนวคิด Lean ที่ให้ความสำคัญแก่การลดต้นทุน ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพและระดับการให้บริการไม่ให้ลดลงไปจากเดิม ทั้งนี้ กลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพของต้นทุนมีความเหมาะสมกับโซ่อุปทานไฮเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งมีกำไรค่อนข้างต่ำ มีอุปสงค์ของลูกค้าที่ค่อนข้างคงที่และต่อเนื่อง โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางลงมาที่ต้องการสินค้าราคาประหยัด ไม่ต้องการความหลากหลายของสินค้า/บริการมากนัก และเป็นตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคา โดยลูกค้าให้ความสำคัญแก่ราคาในการตัดสินใจซื้อมากกว่าระดับการให้บริการ
ดังนั้น โซ่อุปทานของไฮเปอร์มาร์เก็ตจึงควรมุ่งเน้นการขจัดของเสีย (Waste) หรือ กิจกรรมที่ไม่สร้างคุณค่า (Non-value added activity: NVA) ออกไปจากกระบวนการทำงาน เพื่อเป้าหมายหลักในการลดต้นทุน บนเงื่อนไขที่การลดต้นทุนนั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญของความยั่งยืน (Sustainability) ในธุรกิจค้าปลีก
ความสูญเสียหรือกิจกรรมที่ไม่สร้างคุณค่าตามแนวคิด Lean ได้แก่ การรอคอย การผลิตที่มากเกินไป การถือครองสินค้าคงคลัง กระบวนการผลิตที่ซ้ำซ้อน การผลิตสินค้ามีตำหนิ การเคลื่อนย้ายสินค้าและการขนส่งที่ไม่จำเป็น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์เพื่อไปชดเชยกับต้นทุนที่เกิดจากการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว การขจัดความสูญเสียตามกลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพของต้นทุนยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง เนื่องจากความสูญเสียเหล่านั้นเป็นบ่อเกิดของขยะและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรโลกอย่างสิ้นเปลือง