‘ไทยไลอ้อนฯ’สู้วิกฤติโคโรน่า พ่นพิษ 25 เส้นทางบินจีน

‘ไทยไลอ้อนฯ’สู้วิกฤติโคโรน่า พ่นพิษ 25 เส้นทางบินจีน

ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่2019 ส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทยต้นน้ำยันปลายน้ำตั้งแต่ต้นปี แน่นอนว่า“สายการบิน” เป็นธุรกิจแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

จำเป็นต้องทนพิษบาดแผล เร่งปรับแผนการทำตลาดพยุงรายได้และฐานลูกค้า พาตัวเองให้รอดพ้นจากความยากลำบากนี้

อัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของไทยไลอ้อนแอร์ในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินจากไทยไปจีนมากถึง 25 เส้นทาง สู่ 15 จุดบินในประเทศจีน คิดเป็น 30% ของเส้นทางบินไทยไลอ้อนแอร์ทั้งหมด

สำหรับผู้โดยสารชาวจีน ในช่วงปกติจะมีสัดส่วนมากถึง 30-40% ของยอดผู้โดยสารไทยไลอ้อนแอร์ทั้งหมด แต่พอเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า พบว่ามีการยกเลิกการจองที่นั่งไปบ้าง แต่ไม่ได้รับผลกระทบมากหรือลดลงถึงระดับ 20-30% เนื่องจากในเดือน ก.พ.นี้เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่นหลังเทศกาลตรุษจีนพอดี ส่วนใหญ่จะเป็นการขอเลื่อนเวลาเดินทางหรือเปลี่ยนไปบินเส้นทางอื่นแทน

“ตอนนี้ไทยไลอ้อนแอร์ได้ปรับแผนด้วยการลดเที่ยวบินสู่จีนไปบ้างแล้ว 5-7% ของจำนวนเที่ยวบินไปจีนทั้งหมด ส่วนจะลดเที่ยวบินอีกหรือไม่นั้น ยังต้องติดตามสถานการณ์และดีมานด์การจองของผู้โดยสารเพิ่มเติม”

ทั้งนี้ได้ปรับแผนการใช้เครื่องบินทำการบินไปยังจุดหมายอื่น เช่น ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงเส้นทางภายในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อชดเชยเที่ยวบินไปจีนที่ได้ปรับลดลง ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติจากตลาดอื่นๆ ยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจน

“ยอมรับว่าไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบต่อรายได้ของไทยไลอ้อนแอร์บ้าง แต่เรายังคงเป้าหมายรายได้ไว้เท่าเดิมก่อน เช่นเดียวกับการรักษาเป้าจำนวนผู้โดยสารของปีนี้ไว้ที่ 11-12 ล้านคนตามเดิม หากสถานการณ์แพร่ระบาดยุติลงในเดือน มี.ค.นี้ คาดว่าจะทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น”

อัศวิน เล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารของไทยไลอ้อนแอร์ได้เข้าพบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมรับทราบข้อมูลว่ายังมีคนไทยจำนวนหนึ่งยังคงพำนักอยู่ที่ประเทศจีนและมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับไทย

จึงได้ขยายเวลาโครงการFly Them Back Homeร่วมพาพี่น้องไทยกลับบ้าน” โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากกำหนดเดิมตั้งแต่วันที่5-8ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นถึงวันนี้ (10ก.พ.)แต่ละเที่ยวบินจากจีนมีการสำรองที่นั่งไว้เบื้องต้น 30 ที่นั่ง ทั้งนี้ผู้โดยสารจะต้องมีสุขภาพแข็งแรงและอยู่ในเงื่อนไขที่สายการบินกำหนด เช่น ไม่มีประวัติเคยเดินทางไปอู่ฮั่น ตามมาตรฐานการคัดกรองผู้โดยสารเพื่อควบคุมโรค

ด้านความเคลื่อนไหวของสายการบินอื่นๆสายการบินไทยเวียตเจ็ทรายงานว่า สายการบินฯได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและการทำความสะอาดภายในเครื่องบินทุกลำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ โดยได้ทำการทำความสะอาดภายในเครื่องบินและฉีดอบพ่นยาฆ่าเชื้อตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรอนามัยโลก (WHO)เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและเพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการทำความสะอาดเครื่องบินนั้นเข้มงวดเพียงพอและได้มาตรฐาน

เครื่องบินทุกลำถูกฉีดอบพ่นฆ่าเชื้อด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด (AMS) 1452ทั้งในบริเวณห้องผู้โดยสารและห้องนักบิน โดยทำการฉีดพ่นยา 15 นาที และปิดเครื่องเพื่อทำการอบฆ่าเชื้ออีก 30 นาที นอกจากนี้เพื่อเป็นการรับมือกับการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่าระหว่างทำการบิน ลูกเรือทุกคนของทางสายการบินได้รับอนุญาตให้สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือระหว่างปฏิบัติงาน และเพิ่มความเข้มงวดในการทำความสะอาดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องโดยสารบ่อยครั้งมากขึ้นในทุกๆ เที่ยวบิน

นอกจากนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการบริจาคเวชภัณฑ์ที่จำเป็นจำนวนมากไปยังประเทศจีน เช่น หน้ากากอนามัย หน้ากากN95และชุดป้องกันเชื้อโรค เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ในเมืองต่างๆ ในประเทศจีนตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมา

โดยเวชภัณฑ์ต่างๆ ได้ถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า ซึ่งได้ทำการขนส่งผ่านทางเที่ยวบินต่างๆ ของไทยเวียตเจ็ท จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานฉางเต๋อเถาฮวาเหยียน ท่าอากาศยานนานาชาติไหโข่วเมลัน และท่าอากาศยานนานาชาติซูหนานโซวฟาง รวมถึงเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาไปยังท่าอากาศยานฉูเจียผิงอีกด้วย