ไขปม หุ้น 'แอสเสท เวิรด์' เข้า SET50 แบบฟาสต์แทร็ก!

ไขปม หุ้น 'แอสเสท เวิรด์' เข้า SET50 แบบฟาสต์แทร็ก!

นับถอยหลังอีกเพียง 1 สัปดาห์ “หุ้นไอพีโอ” น้องใหม่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ "AWC" จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็น “วันแรก” ในวันที่ 10 ต.ค.นี้

โดย AWC ถือเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่ทำลายสถิติต่างๆ มากมาย เพราะนอกจากเป็นหุ้นที่มี มูลค่าตามราคาตลาด หรือ “มาร์เก็ตแคป” ณ ราคาไอพีโอ “สูงสุดเป็นประวัติการณ์” ที่ 1.92 แสนล้านบาทแล้ว ยังเป็นหุ้นตัวแรก ที่สามารถเข้าคำนวณใน “ดัชนี SET50” แทบจะในทันที โดยไม่ต้องรอเข้าซื้อขายก่อน 6 เดือน หรือ รอการทบทวนดัชนีรอบใหม่ ซึ่งวงการวาณิชธนกิจเรียกกรณีนี้ว่า เป็นการเข้าคำนวณในดัชนี SET50 แบบ Fasttrack

สำหรับ AWC เสนอขายหุ้นไอพีโอรวม 8,000 ล้านหุ้น (รวมกรีนชูออปชั่น) เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 6 บาท โดยนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงผู้ลงทุนรายย่อย แห่จองซื้ออย่างคับคั่ง ทำให้หุ้นทั้งหมดถูกจองซื้อเกลี้ยง

ส่วนเกณฑ์ “Fasttrack” หมายถึงอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร “กรุงเทพธุรกิจ”  พาไปหาคำตอบ!

การจัดทำดัชนี SET50 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง ระบุว่า หุ้นใหม่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากมี “มาร์เก็ตแคป” มากกว่า 1% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ หรือ เป็นหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงสุดติด 20 อันดับแรกใน SET50 ทาง ตลท. จะนำหุ้นดังกล่าวมาคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ในอีก 3 วันทำการ หลังจากที่หุ้นตัวนั้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ดังกล่าวไม่รวมหุ้นที่เกิดจากการปรับโครงสร้างกิจการ หรือ ควบรวมกิจการกับบริษัทจดทะเบียนเดิม

สำหรับหุ้น AWC มีมาร์เก็ตแคป ณ ราคาไอพีโอ รวมอยู่ที่ 1.92 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.13% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ที่ 16.91 ล้านล้านบาท โดยหุ้น AWC ยังนับเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเป็น “อันดับ 19” ของบริษัททั้งหมดในตลาดหุ้นไทยด้วย ..ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ AWC เข้าองค์ประกอบของเกณฑ์ดังกล่าวทุกประการ

เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นใหม่เข้าคำนวณในดัชนี SET50 มีมาตั้งแต่ ตลท. จัดทำดัชนี SET50 เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีหุ้นตัวใดที่เข้าข่ายเกณฑ์ดังกล่าวเลย ..หุ้น AWC ถือเป็น “ตัวแรก” ที่คุณสมบัติครบเครื่องตามกฏเกณฑ์ที่ ตลท. ร่างเอาไว้

ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกจากการคำนวณในดัชนี SET50 นั้น ตลท. จะเลือกจากหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปน้อยสุดในขณะนั้นออกจากการคำนวณดัชนี โดยนำไปอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์สำรองแทน 

ทั้งนี้ “หุ้น” ที่มี “ความเสี่ยง” ว่าจะหลุดออกจากการคำนวณในดัชนี SET50 จากการเข้ามาเทรดของ AWC อันดับแรก คือ บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน(  KKP) เนื่องจากมาร์เกตแคปน้อยที่สุดในบรรดาหุ้น SET50 โดยอยู่ที่ 56,520 ล้านบาท  อันดับที่สอง บมจ. บ้านปู เพาเวอร์( BPP)  มาร์เกตแคป 57,359 ล้านบาท อันดับสาม บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA) มูลค่ามาร์เกตแคป 60,498 ล้านบาท 

นอกจากหุ้น AWC ที่สร้างความฮือฮา โดยเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคป “สูงสุด” เป็นประวัติการณ์ และยังเป็น “หุ้นตัวแรก” ที่เข้าคำนวณในดัชนี SET 50 ในแบบฉบับที่นักวาณิชธนกิจเรียกว่า “Fasttrack” แล้ว ...หลังจากนี้ คงต้องติดตามดูว่าจะมีหุ้นตัวใดที่ สามารถทำลายสถิติ หรือเข้าข่ายที่ใช้เกณฑ์ดังกล่าวมาคำนวณในดัชนี SET50 อีกหรือไม่  

‘ไพบูลย์ นลินทรางกูร’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุว่า ยังมีหุ้นขนาดใหญ่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น กลุ่มเซ็นทรัล ที่เตรียมนำ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้ามาจดทะเบียน รวมทั้งยังมีกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่อาจควบรวมกันเพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

มีความเป็นได้ที่จะมีหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ เข้ามาจดทะเบียนอีก  เพราะ กลุ่มธุรกิจใหญ่ ๆ ในประเทศไทย ยังไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งหมด"  

 สำหรับในปีนี้คงจะไม่มีหุ้นไอพีโอ ขนาดใหญ่ ที่สามารถเข้า SET 50 ด้วยเกณฑ์  Fastrack ในปีนี้อีกต้องมาลุ้นปีหน้าแล้ว ว่า   บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ที่จะเข้ามาระดมทุนในปีหน้าจะมีมาร์เกตแคปใหญ่ ที่สามารถเข้า SET 50 ทันทีหรือไม่ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-AWCเนื้อหอม ต่างชาติ'จองล้น'

-'5 ข้อ' ควรรู้...ก่อนซื้อหุ้น 'แอสเสท เวิรด์'

-สถาบันใกล้หมดก๊อก หลังเทขายต่อเนื่อง ตุนเงินรอซื้อหุ้น'แอสเสท เวิรด์'

-'แอสเสท เวิรด์' เคาะราคาไอพีโอ 6.00 บาทต่อหุ้น จ่อเดินหน้าเข้าเทรดต้นเดือนต.ค.นี้