4 ประเด็น 'การค้าโลก' ที่ต้องจับตา (ต่อ) ในปี 2026

4 ประเด็น 'การค้าโลก' ที่ต้องจับตา (ต่อ) ในปี 2026

ระบบการค้าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2026 ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น หลังจากปี 2025 ซึ่งถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ

KEY

POINTS

  • การทบทวนข้อตกลงการค้า USMCA อาจสร้างความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก
  • ห่วงโซ่อุปทานโลกเผชิญความเสี่ยงใหม่จากความผันผวนของการขนส่งทางเรือและความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น
  • ข้อตกลงการค้าหลายฉบับของสหรัฐฯ มีความเปราะบางและเสี่ยงถูกยกเลิกเนื่องจากขาดกลไกบังคับใช้ที่ชัดเจน
  • คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีนำเข้าอาจสร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก

ระบบการค้าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2026 ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น หลังจากปี 2025 ซึ่งถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญ แม้ว่าการค้าสินค้าทั่วโลกยังไม่ชะลอตัวอย่างรุนแรง แต่ทิศทางการค้าได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยสหรัฐอเมริกามีการนำเข้าสินค้าลดลง ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกา ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และอินเดีย กลับมีบทบาทเพิ่มขึ้นมากขึ้น  ทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวของระบบการค้าโลกและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

จอห์น แมคคาวน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือมองว่า หากปี 2025 เป็นปีแห่งการประกาศใช้ภาษีนำเข้า ปี 2026 จะเป็นปีที่โลกต้องเผชิญกับ “ผลกระทบที่แท้จริง” จากมาตรการเหล่านั้น ทั้งต่อการค้า การลงทุน และเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน โดยมีอย่างน้อย 4 ประเด็นสำคัญที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด

4 ประเด็น 'การค้าโลก' ที่ต้องจับตา (ต่อ) ในปี 2026

การทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (USMCA)

ประเด็นแรก คือ การทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ USMCA ระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งจะเป็นการทบทวนครั้งแรกหลังข้อตกลงมีผลบังคับใช้เพียง 6 ปี แม้หลายฝ่ายสนับสนุนให้คงกรอบข้อตกลงไว้ แต่ก็มีแรงกดดันให้ปรับปรุงเงื่อนไขบางประการ ซึ่งอาจสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่ง อาจส่งผลเสียต่ออีกฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาอยู่ในภาวะตึงเครียด

ความเสี่ยงใหม่ต่อห่วงโซ่อุปทานโลก

ประเด็นที่สอง คือ ความเสี่ยงใหม่ต่อห่วงโซ่อุปทานโลก แม้สถานการณ์ในทะเลแดงจะคลี่คลายลง และเส้นทางเดินเรือผ่านคลองสุเอซเริ่มกลับมาใช้งานได้มากขึ้น แต่การเปลี่ยนเส้นทางอย่างรวดเร็วอาจทำให้กำลังการขนส่งล้นตลาด และสร้างความแออัดให้กับท่าเรือในยุโรป ขณะเดียวกัน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเร็วกว่าคาดในปี 2026 ความต้องการนำเข้าสินค้าและการเติมสต็อกอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอุตสาหกรรมขนส่งไม่สามารถรองรับได้ทัน

4 ประเด็น 'การค้าโลก' ที่ต้องจับตา (ต่อ) ในปี 2026

ความเปราะบางของข้อตกลงการค้าที่สหรัฐฯ

ประเด็นที่สาม คือ ความเปราะบางของข้อตกลงการค้าที่สหรัฐฯ ทำไว้กับหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา แม้จะช่วยลดแรงปะทะทางการค้าในระยะสั้น แต่ข้อตกลงเหล่านี้ส่วนใหญ่ขาดกลไกบังคับใช้ที่ชัดเจน และยังไม่ใช่ข้อตกลงระยะยาว ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะถูกยกเลิกหรือไม่ปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเมื่อจีนเข้ามากดดันประเทศคู่ค้าไม่ให้ดำเนินนโยบายที่กระทบต่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ความไม่แน่นอนจากคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯ

ประเด็นสุดท้าย คือ ความไม่แน่นอนจากคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ หากรัฐบาลสหรัฐฯ แพ้คดี อาจเกิดคำถามสำคัญตามมาว่าจะต้องคืนเงินภาษีให้กับผู้นำเข้าหรือไม่ และรัฐบาลจะใช้อำนาจทางกฎหมายใดทดแทนในการดำเนินนโยบายการค้า ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจและตลาดการค้าโลก

4 ประเด็น 'การค้าโลก' ที่ต้องจับตา (ต่อ) ในปี 2026

ท้ายที่สุด ทั้ง 4 ประเด็นสะท้อนว่า ระบบการค้าโลกในปี 2026 จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากนโยบายภาษี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อจำกัดของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง และทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนที่ยังคงดำเนินต่อไป