สถาบันใกล้หมดก๊อก หลังเทขายต่อเนื่อง ตุนเงินรอซื้อหุ้น'แอสเสท เวิรด์'

นักลงทุนสถาบัน แห่ขายหุ้นไทยหวังปรับพอร์ตนำเงินจองซื้อหุ้น “แอสเสท เวิรด์” เผย 7 วันทำการขายสุทธิกว่า 1.1 หมื่นล้าน นักวิเคราะห์ เชื่อหลังจากนี้แรงขายเริ่มแผ่วลง คาดไตรมาส 4 ส่อกลับมาซื้อสุทธิ

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศน่าจะยังขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง เพื่อเตรียมเงินไว้จองซื้อหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) ที่มีขนาดใหญ่ เช่น บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป(AWC)

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่านักลงทุนกลุ่มดังกล่าวจะกลับมามียอดซื้อสุทธิ เนื่องจากนักลงทุนมีการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่า ประชาชนที่มีฐานการเสียภาษีที่สูง จะเข้ามาซื้อ LTF เต็มเพดาน

ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศ มียอดขายสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ถึง 20 ก.ย. รวมระยะเวลา 7วันทำการ ขายสุทธิรวมเฉียด 1.1 หมื่นล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ต้นสัปดาห์นี้ จะยังคงมีแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อนำเงินมาจองซื้อหุ้นไอพีโอ เช่น AWC ซึ่งมีขนาดใหญ่ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันในประเทศมีการขายหุ้นออกมามากพอสมควร จากที่ขณะใกล้จบไตรมาส 3 แล้ว ซึ่งคาดว่าไตรมาส3ปีนี้ จะไม่ค่อยเห็นว่านักลงทุนสถาบันมีการทำ Window Dressing เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นไทยนั้นถูกขับเคลื่อนจากปัจจัยต่างประเทศ และ ปัจจัยในประเทศเองนักลงทุนสถาบันปรับพอร์ต เพื่อนำเงินไปลงทุนหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่

นาย เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากที่มีหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ AWC เปิดจองซื้อนั้น ทำให้เห็นนักลงทุนสถาบันในประเทศมีการขายหุ้น ลักษณะการปรับพอร์ต เพื่อนำเงินมาจองซื้อหุ้น AWC จึงทำให้มีการทำ Window Dressing ปิดไตรมาส3 ไม่มาก และปกติช่วงที่นักลงทุนสถาบันจะมีการทำ Window Dressing จะทำในช่วงปิดไตรมาส 4

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า สาเหตุที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะต้องการนำเงินมาจองซื้อหุ้น AWC ซึ่งจะเทรดต้นเดือนหน้า ดังนั้นหลังสัปดาห์นี้เป็นต้นไป เชื่อว่าแรงขายของนักลงทุนกลุ่มนี้ไม่น่าจะมากแล้ว