Retail Market Monitor (18 ก.ค.60)

Retail Market Monitor (18 ก.ค.60)

ติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป และระวังแรงทำกำไรหลังงบธนาคาร

หุ้นโลกส่วนใหญ่แกว่งตัวแคบหรือปรับลดลงแม้การรายงานผลประกอบการหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ออกมาดี แสดงถึงการให้น้ำหนักกับทิศทางของการส่งสัญญาณคงหรือลดสภาพคล่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และยุโรป (ECB) ในวันที่ 20ก.ค. สำหรับหุ้นไทยเรายังคงคาดกรอบการเคลื่อนไหวช่วงสั้นจำกัด ระหว่างรอผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งอาจตามมาด้วยแรงทำกำไรระยะสั้น (ซึ่งเกิดขึ้นในหลายไตรมาสที่ผ่านมา) โดยเฉพาะหากตัวเลข NPL ไม่ชะลอหรือการตั้งสำรองสูงกว่าที่คาด

ยังควรหลีกเลี่ยงการเสี่ยงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ PER สูง โดยเฉพาะร.พ.หลัก แต่สามารถเลือกร.พ.ในประเทศซึ่งผลการดำเนินงานเข้าสู่ high season ในช่วงไตรมาส 3/60 ขณะที่หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งโดยเชิงโครงสร้างหรือมีโมเมนตัมของกำไรที่เพิ่มขึ้น จะโดดเด่นกว่าตลาด เรามองหาจังหวะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร บันเทิง โรงแรม และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ การเก็งกำไรเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ BCH, TNR*, EASTW //เก็งกำไร TK*, TIP*

ประเด็นการลงทุน

จีน - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.9% ในไตรมาส 2/2560 ดีกว่าคาดการณ์ที่ 6.8% อย่างไรก็ตามธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดอินเตอร์แบงก์ มูลค่า 1.40 แสนล้านหยวน หรือ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ นับเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โภคภัณฑ์ - นักลงทุนจับตารัฐมนตรีน้ำมันจาก 5 ชาติของโอเปก ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต รวมทั้งซาอุดิอาระเบีย ร่วมการประชุมที่รัสเซียในวันที่ 24 ก.ค. โดยที่ประชุมอาจมีการเสนอมาตรการกระตุ้นราคาเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมโอเปกเต็มคณะในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนลดลงจากความกังวลคาดการณ์ EIA

Brexit - อังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) ได้จัดการเจรจารอบที่ 2 ในประเด็นที่อังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ เป็นเวลา 4 วัน เพื่อหาข้อยุติประเด็นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับ Brexit

ค้าปลีกไอที – ส่วนใหญ่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ออกมาดี แต่เป็นแค่การเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้นเนื่องจากผลการดำเนินงานมีสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงปลายไตรมาส 2-ไตรมาส 3 หุ้นกลุ่มนี้ได้แก่ JMART*, SYNEX*, SIS* เป็นต้น

TMB (ถือ, TP 2.40 บาท) – รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/60 จำนวน 2,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% QoQ และ 8.3% YoY ดีกว่าคาดเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม NPL ยังปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ยังต้องตั้งสำรองในระดับสูง

STA (Not rated) – เพิ่มทุนแบบ RO ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 256 ล้านหุ้น อัตราส่วน 5:1 ที่ราคา 10 บาท/หุ้น เพื่อใช้คืนเงินกู้และขยายธุรกิจ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ยังมีแนวโน้มอ่อนแอจากปริมาณการขายที่ลดลงจากความผันผวนของราคา

ประเด็นติดตาม: 20 ก.ค. – ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป / 24 ก.ค. – ประชุมย่อยโอเปค

แนวรับ 1568/แนวต้าน : 1580 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)


หุ้นแนะนำ

• BCH (14.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เป็น low season ก่อนเข้าสู่ high season ไตรมาส 3 ซึ่งได้อานิสงค์จากการเข้าสู่หน้าฝนซึ่งผู้ป่วยในประเทศจะมากกว่าปกติ และเกษมราษฎร์เป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะที่ค่ารักษาของร.พ.ระดับบนแพง

• TNR* (22) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 มีแนวโน้มฟื้นตัว จากไตรมาส 1/60 ที่ผลการดำเนินงานแย่มาก ทั้งราคายางขึ้น และการแข่งขันรุนแรง ไตรมาสนี้สถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้น core profit คาดฟื้นตัวดี QoQ บวกกับมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX gain) ทำให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มกลับส่ระดับปกติก่อนหน้า คาดส่งผลบวกต่อราคาหุ้น

• ESATW (15) : ผลการดำเนินงานอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัว ภัยแล้งที่ลดลงทำให้ยอดขายน่ำคาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนค่าผันน้ำคาดลดลง

• ประเด็นลงทุน: TK* (ซื้อขายที่เพียง PER 11 เท่า ปันผล 4.3% ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและราคาสินค้าเกษตร บริษัทปรับเป้าการปล่อยกู้ขึ้นเป็น 10% จาก 5%) / TIP* (ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 คาดเติบโตต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 8x และให้ผลตอบแทนปันผล 6%)