Daily Market Outlook (29 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (29 มิ.ย.60)

การผ่อนคลายทางการเงินของโลกใกล้สิ้นสุด

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้จากหุ้นการเงินพุ่งขึ้นทั่วโลกหลังจากธนาคารกลางชั้นนำของโลก (อังกฤษ แคนาดา ยุโรป) ส่งสัญญาณใกล้สิ้นสุดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในแต่ละตลาดสำคัญปรับตัวดีขึ้นพร้อมๆ กับเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชันขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีดกลับต่อหลังจากการผลิตในสหรัฐลดลงในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดโดยรวมน่าจะถูกจำกัดโดยความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลลบต่อกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่การเงิน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นบวกโดยรวม มีความคืบหน้าในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพิ่มเติม และสภาพัฒน์เห็นการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจไปได้ถึง 3.8%

หุ้นเด่นวันนี้: BBL(ราคาปิด 183.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 213.00 บาท)

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้นวัฏจักรที่เราคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ถึงแม้ BBL น่าจะยังเผชิญปัญหาสินเชื่อหดตัวในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสินเชื่อของธนาคารในเดือน พ.ค.ยังลดลง 1.1% YTD แต่เราคาดตัวเลขดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป หนุนโดยการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารเผยว่ากำลังพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทร่วมทุน BSR สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะมาจากสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ เราคาดจะมีโครงการทยอยเริ่มต้นมากขึ้น เนื่องจากรัฐตั้งเป้าว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมูลค่ากว่า 2.4 ล้านล้านบาทจะถูกเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจาก ครม. ภายในปีนี้ และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีหน้า และประมาณ 9 แสนล้านบาทจากมูลค่าทั้งหมดคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 60 เราประมาณการสินเชื่อ BBL ปีนี้จะเติบโต 7% แม้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ในไตรมาส 2/60 น่าจะปรับตัวขึ้นจาก 3.5% ในไตรมาส 1/60 แต่เรามองว่าคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะยังอยู่ในระดับที่ดีจากการที่ธนาคารยังมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) ค่อนข้างสูงอยู่ถึง 160% นอกเหนือจากนั้นแล้ว ในแง่ของการประเมินมูลค่า หุ้น BBL ยังน่าสนใจมากเนื่องจากปัจจุบันซื้อขายกันในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ 3.8% เราประมาณการกำไรของ BBL จะเติบโต 7.7% ในปี 60 ก่อนเร่งตัวเติบโต 19.3% ในปี 61 Price Pattern ของ BBL มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BBL มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 188 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 198.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ BBL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 178.50 บาท (Resistance: 184.00, 185.00, 186.00; Support: 182.50, 181.50, 180.50)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สองโครงการมอเตอร์เวย์เข้า Fast Track คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) เห็นชอบให้นำสองโครงการมอเตอร์เวย์เข้ามาตรการ PPP Fast Track ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่า 8.59 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี มูลค่า 5.65 หมื่นล้านบาท โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะเปิดให้เอกชนประมูลได้ภายในปีนี้ (Bangkok Post)

• GDP ไทยอาจเติบโตได้ถึง 3.8% ในปีนี้ กล่าวโดยเลขาฯ สภาพัฒน์ ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เนื่องจากสภาพัฒน์มองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้แข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนโดยภาคส่งออกที่เติบโต การลงทุนภาคเอกชนที่ดีขึ้น การเร่งลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และราคาพืชผลการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ สภาพัฒน์คาดเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตได้ถึง 5% ภายในปี 64 (Bangkok Post, Dailynews, TNN)ความเห็น: การคาดการณ์ของสภาพัฒน์เป็นไปตามที่นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างงาน Thailand’s Big Strategic Move Conference ว่าเศรษฐกิจไทยปี 60 มีโอกาสเติบโตได้ถึง 3.8%

• ประชุมสภาพัฒน์ถกเรื่องรถไฟไทยจีน รมว.คมนาคมระบุว่าสภาพัฒน์จะจัดประชุมพิเศษในวันนี้เพื่อพิจารณารถไฟความเร็วสูงไทยจีนเชื่อมกรุงเทพ-นครราชสีมา มูลค่า 1.79 แสน ลบ. คาดร่างสัญญาจะเสนอแก่ ครม.ให้เห็นชอบได้ในเดือนหน้า (Bangkok Post/ข่าวหุ้น)

• ไทยเตรียมข้อมูลให้ EU เรื่องประมงผิดกฎหมาย ไทยเตรียมข้อมูลและสถิติให้ EU เรื่องประมงผิดกฎหมาย (IUU) เป็นความพยายามแก้ปัญหาก่อนที่เจ้าหน้าที่ยุโรปจะมาตรวจในวันที่ 1-16 ก.ค. (The Nation)ความเห็น: ไทยยังคงอยู่ใน Tier 2 แต่จีนตกลงไป Tier 3 ทำให้ไทยได้เปรียบเมื่อเทียบกับจีน จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ CPF และ TU สำหรับอุตสาหกรรมกุ้ง

• โครงการรัฐดันยอดรถปีนี้ทะลุเป้า8.4แสนคัน นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในปี 60 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 8.4 แสนคัน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 8.1 แสนคัน เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่องจากแรงกระตุ้นของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจคท์ของภาครัฐที่เดินหน้าหลายโครงการแล้ว (เดลินิวส์)

• AOT(ราคาปิด 46.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 49.00 บาท) สรุปจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กรมธนารักษ์ตามส่วนแบ่งรายได้ 5% และ ROA อีก 3% เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.60 ไม่เก็บROA ย้อนหลัง ข่วงปี 2555-2560 (Efinance)ความเห็น: เราคาดว่าเงินที่เก็บเพิ่มขึ้นไม่มาก น่าจะเป็นส่วนที่เพิ่มประมาณไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่เรียกเก็บอยู่ 1,500 ล้านบาทต่อปี จึงไม่มีนัยยะต่อผลประกอบการของ AOT นอกจากนี้ เราเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกของความชัดเจนเรื่องนี้ ลดความกังวลในการลงทุนหุ้น AOT ออกไปได้

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากความเห็นจากธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางแคนาดาเป็นไปตามความเห็นของ ECB ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีการเก็งกันว่านโยบายทางการเงินทั่วโลกกำลังเป็นไปอย่างเข้มงวดมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.22% จากที่ระดับ 2.20% เมื่อวันอังคาร หลังจากปรับตัวขึ้นถึงระดับ 2.256% ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี กับ 30 ปีชันขึ้นสู่ระดับ 95.8 bps หลังจากร่วงลงสู่ระดับ 91.9 bps ในวันก่อนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ปลายปีค.ศ. 2007 (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เทียบกับเงินยูโรเมื่อวันพุธ จากการที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ให้ความเห็นที่จะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าหลังจากมีการเลื่อนลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของสหรัฐ เงินยูโรแข็งค่า 0.5% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1390 ดอลลาร์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.4% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 95.967 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบกับเงินเยนหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 112.46 เยนเมื่อวันอังคาร (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันพุธ โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือนโดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างให้ความเห็นที่จะกระชับนโยบายทางการเงิน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาดเช่นกัน หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นก่อนเฟดเปิดเผยรายงานการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 34 แห่งของสหรัฐว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผล ซื้อคืนหุ้น และอื่น ๆ ได้หรือไม่ โดยธนาคาร 34 แห่งผ่านการทดสอบรอบที่ 2 ได้ทั้งหมด (Reuters)

• วุฒิสมาชิกรีพับลิกันดิ้นรนที่จะให้ร่างกฎหมายประกันสุขภาพของทรัมป์ผ่านการพิจารณาเมื่อวันพุธ โดยมีการพบปะกับส.ว. ที่คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ผู้นำในพรรครีพับลิกันตั้งเป้าที่จะจัดการเรื่องเสียงสนับสนุนให้เรียบร้อยก่อนการลงมติอีกครั้งในวันที่ 4 ก.ค. ในขณะนี้พรรครีพับลิกันคุมเสียงในวุฒิสภาได้ในสัดส่วน 52-48 ซึ่งสามารถเสียคะแนนเสียงได้เพียง 2 คะแนน มีส.ว.ของพรรคอย่างน้อย 10 รายได้แสดงความเห็นคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวแต่อาจมีส.ว. บางรายเปลี่ยนมาลงคะแนนให้ Congressional Budget Office ซึ่งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดประมาณการว่าร่างกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าวจะทำให้คนจำนวน 22 ล้านรายไม่ได้รับความคุ้มครองการประกันสุชภาพเป็นเวลา 10 ปีจากในขณะที่รัฐบาลมีงบประมาณขาดดุลอยู่ 3.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงวานนี้ แม้หุ้นธนาคารจะปรับตัวขึ้นมาเป็นวันที่สามเนื่องจากการคาดการณ์ถึงนโยบายของธนาคารกลางในอนาคต แต่ก็ถูกถ่วงโดยการถูกเทขายของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Reuters)


เอเชีย:

• การประชุมญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปในกรุงโตเกียวมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีซึ่งจะต่อต้านกระแสการปกป้องการค้าที่เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้สหรัฐฯ ต้องทบทวนนโยบายข้างหน้า พวกเขาเจรจากันมาตั้งแต่ปี 2556 และเจรจากันเกือบทุกวันเพื่อเอาชนะอุปสรรค สหภาพยุโรปก็เตรียมจะลงนามในข้อตกลงกับญี่ปุ่นในช่วงต้นสัปดาห์หน้าด้วย (Reuters)

• ยอดขายปลีกในญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 2.0% YoYในเดือน พ. ค.ซึ่งเมื่อเทียบกับประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.6% (Reuters)

• จีนจะสั่งห้ามการนำเข้าถ่านหินจากท่าเรือขนาดเล็กตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เพื่อลดซัพพลายเชื้อเพลิงในช่วงฤดูร้อน และหนุนให้ราคาถ่านหินปรับขึ้นอีก จีนซึ่งเป็นผู้ซื้อถ่านหินรายใหญ่ของโลกต้องจัดการกับการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ รวมถึงความพยายามที่จะแก้ไขปัญหามลพิษและหมอกควัน (Reuters)

• ธนาคารกลางจีนจะระงับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น และอาจคลายความกดดันออกไปเล็กน้อยในหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากเกรงเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองของจีนจะจัดงานเลี้ยงสภาคองเกรสภายในปลายปีนี้ เพื่อเลือกทีมผู้นำและกำหนดทิศทางกว้าง ๆ สำหรับนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม โดย ประธานาธิบดี Xi Jinpingคาดว่าจะรวบการควบคุมได้(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันล่วงหน้าบวกกว่า 1% วันพุธสูงสุดรอบสัปดาห์ โดยการผลิตน้ำมันของสหรัฐรายสัปดาห์ลดลงเล็กน้อยแม้สต็อกน้ำมันจะเพิ่มผิดคาดในสหรัฐก็ตาม US EIA ระบุสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 118,000 บาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การผลิตลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) สู่ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน การผลิตลดลงรายสัปดาห์มากสุดนับแต่ ก.ค. 59 ตลาดคาดว่าจะมีการถอนออก 2.6 ล้านบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์บวก 66 เซนต์ (1.4%) ปิดที่ 47.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 50 เซนต์ (1.1%) ปิดที่ 44.74 ดอลลาร์สหรัฐบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำบวกวันพุธ เพราะดอลลาร์อ่อนลงเป็นวันที่สองติดต่อกันหลังจากเลื่อนการลงมติกฎหมายสุขภาพของสหรัฐและการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ทองคำตลาดจรบวก 0.2% ปิด 1,249.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ส.ค. บวก 0.2% ปิดที่ 1,249.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)