Daily Market Outlook (26 เม.ย.60)

Daily Market Outlook (26 เม.ย.60)

ลุ้นแผนปฏิรูปภาษีของ Trump, เกาหลีเหนือไม่ยั่วยุเมื่อวาน

คาดหุ้นไทยดีดตัวเดินหน้าวันนี้ ตามตลาดหุ้นโลกที่พุ่งขึ้น 2 วันติดต่อกันจากมีลุ้น Trump ประกาศแผนปฏิรูปภาษีวันนี้ ความกังวลปัญหาทางการเมืองในยุโรปที่คลี่คลายลง และเกาหลีเหนือไม่ได้มีการกระทำอันเป็นการยั่วยุในการฉลองครบรอบ 85 ปี การก่อตั้งกองทัพบกเมื่อวาน รัฐบาลสหรัฐน่าจะหลีกเลี่ยงภาวะหมดงบประมาณในสุดสัปดาห์นี้ไปได้หลังจาก Trump ยอมถอยถอนงบสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกออกจากร่างงบประมาณที่จะต้องลงมติศุกร์นี้ ปัจจัยภายในประเทศไม่มีอะไรใหม่

หุ้นเด่นวันนี้: AOT (ราคาปิด 41.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ที่ 46.00 บาท)

เราเลือก AOT เป็น Pick of the day เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิของ AOT ในไตรมาส 2/60(ม.ค.-มี.ค.) เท่ากับ 6.0 พันล้านบาท (+7.7% YoY, +18% QoQ) เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/60 จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 7.96% YoY (จำนวนผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น 12.14% และผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.90%) จำนวนเที่ยวบินรวมเพิ่มขึ้น 12%(เที่ยวบินในประเทศลดลง 5.47% และเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 13.55%) นอกจากนี้ AOT ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากเปิด Terminal ใหม่ที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ตในช่วงไตรมาส 2/60 นี้ นักท่องเที่ยวจีนก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2559 แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้คาดว่าจะดีขึ้น หลังจากคลายผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญไปแล้ว ประกอบกับจีนห้ามขายทัวร์ไปประเทศเกาหลีใต้หลังจากเกาหลีใต้ยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 35.25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.13% จากปี 2559 ปัจจัยที่ ICAO ถอนธงแดงประเทศไทยภายในครึ่งหลังของปี 2560 จะสนับสนุนธุรกิจการบินและสนามบินของไทยให้มีการเติบโตที่ดีขึ้นตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เราคงแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 46.00 บาท อิงวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) โดยมี WACC 9.86% และค่า PER เฉลี่ยในอดีตที่ 30 เท่า ราคาปัจจุบันมี Upside 11.5%Price Pattern ของ AOT มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 42.00 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 44.00 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ AOT มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 39.00 บาท (Resistance: 41.50, 41.75, 42.25; Support: 41.00, 40.50, 40.25)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ช่วยเพิ่มจำนวนตราสารหนี้ระยะยาว ข้อมูลจากสมาคมตราสารหนี้ไทยเผย จำนวนตราสารหนี้ระยะยาวในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 41% YoYอยู่ที่ 1.834 แสนล้านบาท ขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นลดลง 25.6% YoYอยู่ที่ 4.536 แสนล้านบาท โดยภาพดังกล่าวเกิดจากการที่มีเหตุตั๋ว B/E ผิดนัดชำระในช่วงไตรมาส 4/59 ทำให้บริษัทพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการหาเงินทดแทน (refinancing risk) โดยการเปลี่ยนไปออกตราสารหนี้ระยะยาวแทน (Bangkok Post)

• คลังจัดงบช่วยผู้มีรายได้น้อยต่อปีนี้ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 60 มีการพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้กับผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ซึ่งนอกจากการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา สำหรับเจ้าของมิเตอร์ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการ ตลอดจนสิทธิการขึ้นรถเมล์และรถไฟฟรีแล้ว ยังได้มีการพิจารณาให้สวัสดิการอื่นอีก เช่น ส่วนลดการซื้อสินค้าร้านธงฟ้า แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าโดยสารรถไฟ และค่าโดยสารรถ บขส. (เดลินิวส์)ความเห็น: เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมผู้มีรายได้น้อยทุกกลุ่มและยังเป็นการหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลักดันการใช้จ่ายบริโภคด้วย

• พาณิชย์ชี้ญี่ปุ่นตัด GSP 6 สินค้าไทย กระทบผู้ส่งออกไม่มากโดยญี่ปุ่นตัด GSP ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป พบว่ามีเพียง 6 รายการสินค้าเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ ผู้ส่งออกส่วนใหญ่มักใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าอื่นซึ่งลดภาษีมากกว่า GSP เช่น ข้อตกลง JTEPA, AJCEP เป็นต้น หกสินค้าที่ถูกตัดนั้น ไทยส่งออกเป็นมูลค่าเพียง 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเท่านั้น (The Nation)

• CBG (ราคาปิด 65.75 บาท) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้อนุมัติการยกเลิกโครงการลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจในกลุ่มประเทศ Greater China เพื่อให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของการลงทุนในระยะแรก เนื่องจากประเมินว่าจะทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้ผลขาดทุนจากโครงการลงทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลาการลงทุนในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีแรกของการลงทุน ส่งผลให้เกิดผลกระทบในด้านลบอย่างมีนัยสาคัญต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินรวม โดยผู้บริหาร CBG คาดการณ์ในเบื้องต้นว่าโครงการจะประสบภาวะขาดทุนในช่วงระยะเวลา 4 ปีแรกรวมกันถึงประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 14,018 ล้านบาท หาก CBG ลงทุนถือหุ้น 42% ในกิจการร่วมทุน ก็จะขาดทุนเฉลี่ยปีละราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,400 ล้านบาท ซึ่งฐานกำไรของ CBG อยู่ที่ปีละ 1,500 ล้านบาทเท่านั้น แต่เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ฯ และกลุ่มธุรกิจ DAI Group จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นแล้ว CBG จะเข้าทำสัญญาเป็นผู้ซัพพลายสินค้าให้ โดยคาดว่าจะได้กำไรกระป๋องละ 1.60 บาท จากจำนวนที่ประมาณการว่าปีที่ 1-4 จะจำหน่ายคาราบาวกระป๋องในประเทศจีน เท่ากับ 170,340, 540 และ 700 ล้านกระป๋อง (SET, Annual General Meeting) ความเห็น: เดิมเราคาดว่ากำไรปี 2560 ของ CBG จะลดลง แต่หากเป็นเช่นนี้จะทำให้กำไรปี 2560 ทรงตัวราว 1,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 1,500 ล้านบาท และคาดว่าปีต่อไปจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น CBG เทรดที่ PER สูง 42 เท่า ในปี 2560 แม้ลดลงเป็น 36 เท่าในปี 2561 แต่ก็ยังสูงอยู่ จึงแนะนำเพียงรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ราคาเป้าหมายของ IAAconsensus อยู่ที่ 68.50 บาท

ต่างประเทศ:

• เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่แทนที่จะทดสอบนิวเคลียร์หรือยิงขีปนาวุธ คิมจองอึน ได้ฉลองวันก่อตั้งรัฐบาลเกาหลีเหนือ 85 ปี ด้วยการซ้อมยิงปืนใหญ่ 300 กระบอกบริเวณชายฝั่งตะวันออก โดยมาแทนการทดสอบนิวเคลียร์หรือยิงขีปนาวุธระยะไกลเพราะกลัวแรงกดดันจากสหรัฐและจีนที่ไม่ชอบการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ (Reuters)

• รัฐบาลสหรัฐน่าจะรอดพ้นการชัทดาวน์สุดสัปดาห์นี้ หลังจาก Trump ประธานาธิบดีสหรัฐยอมถอนความประสงค์เรื่องกำแพงกั้นชายแดนออกจากร่างกฎหมายงบประมาณ พรรครีพับลีกันคุมทั้งสองฟากของสภาแต่ร่างงบประมาณปัจจุบันที่ต้องผ่านร่างภายในคืนวันพุธจะต้องใช้ 60 เสียงในการผ่านสมาชิกสภาสูง 100 คน ขณะที่รีบพับลีกันมีที่นั่งอยู่ 52 เสียง จึงต้องได้รับเสียงช่วยเหลือจากฝั่งเดโมแครตด้วย ผู้นำพรรคเดโมแครตกล่าวว่าจะไม่ยอมช่วยโหวตหากมีเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงเข้ามาอยู่ในร่างงบประมาณด้วย (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคารขณะที่นักลงทุนรอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปรับลดภาษีในวันนี้และยังคงมองในแง่ดีว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงการหยุดทำการ (shutdown) ได้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.339% เพิ่มขึ้นจาก 2.27% เมื่อวันจันทร์ ก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนดังกล่าวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 2.17%เมื่อวันอังคารในสัปดาห์ก่อนเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส(Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ยกเว้นเงินยูโรเมื่อวันอังคารเนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผ่อนคลายเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสและมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะดำเนินนโยบาย hawkish มากขึ้นในเดือนมิ.ย. เงินยูโรแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0950 ดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 1.3% เทียบกับเงินเยนสูงสุดในรอบ 15 วันที่ระดับ 111.18เยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.3% สู่ระดับ 98.844 หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ 98.695 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีแนสแดคปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวขึ้นสูงเช่นกัน หลังรายงานผลประกอบการที่สดใสย้ำให้ถึงสถานะอันเข้มแข็งของบริษัทต่างๆ หุ้นของแคทเทอร์พิลลาร์และหุ้นของแม็คโดนัลด์ปรับตัวขึ้นหลังประกาศกำไรสูงกว่าประมาณการ กำไรรวมของบริษัทที่อยู่ใน S&P500 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.4% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่ปีค.ศ. 2011 จากข้อมูลของ Thomson Reuters I/B/E/S(Reuters)

• สหรัฐประกาศปรับลดภาษีวันนี้ หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัปม์จะประกาศการปรับลดภาษีในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีสำหรับเจ้าของบริษัทที่ดำเนินกิจการเองมาอยู่ที่ 15% จาก 39.6% (Reuters)

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนเม.ย. แต่ยังคงสูงสุดเป็นลำดับ 2 ในรอบ 16 ปี Conference Board เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นลดลงสู่ระดับ 120.3 ในเดือนนี้จากที่ระดับ 124.9 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับแต่เดือนธ.ค. 2000 อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ในเดือนเม.ย. สูงสุดเป็นลำดับสองในรอบ 16 ปี (Reuters)

• ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนมี.ค. บ่งชี้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าการเติบโตจะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 1/60 ก็ตาม ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 5.8% MoMหรือ 15.6% YoYสู่ระดับ 621,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค. 2016 โดยยอดขายบ้านเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน (Reuters)

• เฟดสาขาแอตแลนตาประมาณการ GDP สหรัฐ ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 0.5% YoYในไตรมาส 1/60 หลังจากเพิ่มขึ้นที่ระดับ 2.1% ในไตรมาส 4/59 รัฐบาลสหรัฐจะประกาศประมาณการ GDP ล่วงหน้าไตรมาส 1/60 ในวันศุกร์นี้ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปิดบวกวานนี้ หนุนโดยดีล M&A และผลการดำเนินงานของบริษัท โดยตลาดเริ่มกลับไปสนใจที่พื้นฐานของหุ้นแทนสถานการณ์การเมือง Pan-European STOXX 600 index ปิดบวกเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันแล้ว (Reuters)

• เงินทุนไหลเข้ากองทุนรวมในยุโรป 3 เดือนติดต่อกันแล้ว จากข้อมูล Thomson Reuters Lipper จำนวนเงินไหลเข้าในเดือน มี.ค. อยู่ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุนโดยสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นรวมถึงสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลงด้วย (Reuters)

• ECB ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดนโนบายกระตุ้นทางการเงินในเดือนมิ.ย. เนื่องจากสถานการณ์การเลือกตั้งในฝรั่งเศสที่ผ่อนคลายลง รวมถึงเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในรอบหลายๆปี (Reuters)

เอเชีย:

• รองผู้ว่าการ BOJ นาย Kikuo Iwata กล่าวเมื่อวันอังคารผ่านมาว่าธนาคารกลางกำลังดำเนินการศึกษาว่าจะสามารถยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าเป้าหมายเงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย เขากล่าวในรัฐสภาว่า BOJ ไม่ต้องการเผยแพร่กลยุทธ์ที่เป็นทางออกเนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เกิดความสับสนในตลาด(Reuters)

• กองทัพสหรัฐฯ เริ่มเคลื่อนย้ายส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธของ THAAD ไปยังสถานที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ในวันพุธท่ามกลางความตึงเครียดต่อโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือได้รับแรงกดดันต่อกันและกันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสหรัฐฯได้ส่งกลุ่มผู้ขนส่งเครื่องบินและเรือดำน้ำนิวเคลียร์ไปยังภูมิภาคนี้และเกาหลีเหนือพยายามเปิดตัวขีปนาวุธเพิ่มเติม ในขณะที่โดนคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ(Reuters)

• ประเทศจีนมุ่งเป้าไปที่การใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ใข่ฟอสซิลในสัดส่วนประมาณ 20% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2573 และเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการภายในปี 2593ขณะที่จีนยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการหันออกจากการใช้พลังงานถ่านหิน เอกสารนโยบายคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติกล่าวว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปี 2573 และความต้องการพลังงานทั้งหมดจะถูกจำกัดไว้ที่ 6 พันล้านตันเทียบเท่าถ่านหินภายในปี 2573 (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันบวกเล็กน้อยวันอังคาร จากนั้นก็มีขึ้นมีลงอีกเป็นชั่วโมง ในเวลาที่รายงานของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 33 เซนต์ ปิด 49.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมัน Brent ล่วงหน้าบวก 50 เซนต์ปิดที่ 52.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลน้ำมันร่วงหนักในช่วงหกวันทำการที่ผ่านมาจากสัญญาณว่าสหรัฐจะผลิตเชลออยมากขึ้นหักล้างผลของการร่วมมือลดกำลังผลิตชนะผลของ OPEC ลดการผลิต หลังตลาดปิด สถาบันฯ ระบุว่าสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 897,000 บาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีสต็อกไหลออก 1.6 ล้านบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำร่วงสู่จุดต่ำสุดรอบสองสัปดาห์ในวันอังคาร หลังตลาดคลายกังวลผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสว่า Marine Le Pen ฝั่งขวาจัดจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น ขณะที่ลดความต้องการทองคำ ทองคำตลาดจรลบ 0.9% ปิด 1,264.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำตลาดล่วงหน้าลบ 0.8% ปิด 1,267.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)