'ลดน้ำหนัก' หุ้นขนส่ง หวั่น'ต้นทุนพุ่ง-ค่าเงินผันผวน '

โบรกเกอร์ "ลดน้ำหนักการลงทุน" หุ้นกลุ่มขนส่ง หลังจากราคาน้ำมันเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้น กังวลส่งผลให้"ต้นทุนการดำเนินการเพิ่ม"
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมขนส่ง (Trans) ปรับตัวขึ้นได้ราว 14% แต่ยังต่ำกว่าภาพรวมตลาดที่ปรับตัวขึ้นได้กว่า 17% แม้ผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา ของหุ้นกลุ่มนี้จะมีกำไรถึง 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้เพียง 5.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจาก 2 ธุรกิจหลักๆ อย่าง สายการบิน และการขนส่งทางบก
แนวโน้มของหุ้นในกลุ่มนี้เริ่มมีความไม่แน่นอนเข้ามาจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจจะเติบโตลดลง
บล.กสิกรไทย ระบุว่า ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มขนส่งเป็น ‘น้อยกว่าตลาด’ จากเดิมที่ ‘เท่ากับตลาด’ เนื่องจากแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงเครื่องบินที่สูงขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผลประกอบการของสายการบิน ขณะที่ผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของทัวร์จีน และการยกเลิกงานสังสรรค์ต่างๆ ตั้งแต่ไตรมาส 3/2559 ได้ส่งผลให้การเติบโตของผู้โดยสารเดือน พ.ย. ติดลบ 1.6% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557
ขณะเดียวกัน มองว่าราคาหุ้นในกลุ่มขนส่งทางบกได้สะท้อนโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลในปีหน้าไปบางส่วนแล้ว และโครงการรถไฟฟ้าที่จะออกมาในปีหน้าดูไม่ตื่นเต้นเท่าในปีนี้ เนื่องจากมีขนาดโครงการที่เล็กกว่า
กลุ่มสายการบิน น่าจะถูกกดดันจากการเติบโตที่ลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2560 คาดว่าการเติบโตของผู้โดยสารจะอยู่ที่ 7.5% เนื่องด้วยฐานที่ใหญ่ และผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ จำนวนผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ย 13% ระหว่างปี 2553- 2559 หรือจากจำนวน 15.9 ล้านคน เป็น 33 ล้านคน
นอกจากนี้ กลุ่มสายการบินยังถูกกดดันจากราคาน้ำมัน โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐานค่าเชื้อเพลิงการบินในปี 2560 – 2561 ขึ้นจาก 60 และ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็น 65 และ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะเดียวกันเงินบาทที่อ่อนค่าถือเป็นปัจจัยลบ เพราะ 50 -70% ของต้นทุน อยู่ในสกุลดอลลาร์ ยิ่งไปกว่านั้นภาระหนี้ของสายการบินส่วนมากอยู่ในสกุลดอลลาร์ ยูโร และเยน โดยคาดเงินบาทอ่อนค่าจาก 36 บาทต่อดอลลาร์ เป็น 36.5 บาทต่อดอลลาร์ด้วย ปัจจัยลบเหล่านี้ ส่งผลให้ปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มการบินลง 8-32% ในปี 2559 – 2561
กลุ่มขนส่งทางบก คงน้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด เนื่องจากคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิ 20% ระหว่างปี 2560 -2562 แต่ถึงแม้จะได้ประโยชน์จากการเร่งพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลในปี 2560 แต่โครงการที่จะออกมาในปีหน้าดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่ากับปี 2559 เนื่องจากจำนวนโครงการที่น้อยกว่า
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่าหุ้นในกลุ่มสายการบินมีโอกาสที่จะถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุนในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2559 ออกมาเรียบร้อยแล้ว เพราะปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตลดลง และที่สำคัญคือภาวะที่ปริมาณที่นั่งในระบบมากกว่าความต้องการใช้ ส่งผลให้การแข่งขันด้านราคายังคงรุนแรง
นอกจากนี้ กลุ่มสายการบินยังถูกกดดันจากปัจจัยสำคัญคือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนของกลุ่มสายการบินจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในปีหน้า โดยต้นทุนในสกุลดอลลาร์ของสายการบินอยู่ที่ราว 50-70% และในเชิงมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้ มองว่าซื้อขายกันที่ระดับค่อนข้างสูงแล้วเมื่อเทียบจากแนวโน้มการเติบโต







