Beacon Interface แสงสว่างโลกการเงิน

Beacon Interface แสงสว่างโลกการเงิน

ธุรกิจธนาคารพบว่าตัวเองต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ทัน นำไปสู่โลกใหม่ที่ เน้นการสร้างความร่วมมือกันมากขึ้น

การคว้า 2 รางวัลจากงาน Global FinTech Hackcelerator ที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางของสิงคโปร์ ทั้งรางวัล Developer Hub Award จาก Citigroup หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน และ รางวัลชนะเลิศในงาน Singapore FinTech Festival 2016

นั่นก็ทำให้ บีคอน อินเตอร์เฟส สตาร์ทอัพ ฟินเทค สัญชาติไทย ที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารกสิกรไทย เริ่มเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น ทั้งในมุมของกสิกรไทย กับ การไหวตัวให้เท่าทันกระแสเทคโนโลยี จากบทบาทดั้งเดิมสู่การสร้าง Tech Talent ขึ้นมารับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ

และในมุมของ บีคอน อินเตอร์เฟส กับวิธีคิด วิธีการทำงานภายใต้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ต้องเร็ว ฉับไว้ ทั้งการทำงานและการแก้ไขปัญหา

“ธุรกิจการเงินกำลังมีผู้เล่นรายใหม่ก้าวเข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้ธุรกิจการเงินเดิมต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองกับนวัตกรรมใหม่ๆที่เข้ามา จึงนำไปสู่โลกของความร่วมมือกันมากขึ้น ระหว่างผู้เล่นเดิม กับผู้เล่นรายใหม่

จากนี้ความท้าทายจะอยู่ที่ ใคร จับมือได้เก่งกว่า และสร้างความเข้มแข็งได้มากกว่ากัน ” ธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าว

ที่ผ่านมา กสิกรไทย ร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพหลายรายเพื่อสร้างนวัตกรรมและโปรดักท์ใหม่ๆ รวมกัน หนึ่งในนั้นก็คือ บีคอน อินเตอร์เฟส สตาร์ทอัพที่เกิดจาการรวมตัวของคนในองค์กรอย่างแท้จริง

บีคอน อินเตอร์เฟส เป็นการรวมตัวกันกว่า 10 ชีวิตที่มาจากต่างสายงานภายใต้ KBTG (กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป) ที่สมัครใจกันเข้าร่วมทำโปรเจ็คนี้ ซึ่งแต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งด้านนวัตกรรม แอพพลิเคชั่น กราฟฟิค อินเตอร์เฟซ ดีไซน์ และอื่นๆ ที่รวมกันทำงาน ภายหลังที่ได้รับโจทย์ว่าจะเข้าร่วมการแข่งขัน Global FinTech Hackceleratorที่ประเทศสิงคโปร์

จาก 100 โจทย์ปัญหาบริการด้านการเงิน (Financial Services) ทื่ทางผู้จัดงานมีให้ที่สุดแล้วทางทีมก็ตัดสินใจเลือกที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นโอนเงินสำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น (Visually impaired)

อภิรัตน์ หวานชะเอม ผู้ก่อตั้ง Beacon Interface กล่าวถึงการทำงานของทีมภายใต้โจทย์ดังกล่าวว่า ในการทำงาน 2 เดือนก่อนนำเสนอผลงานที่สิงคโปร์ต้องทำงานในหลายเรื่องด้วยกัน

เริ่มที่วัฒนธรรมการทำงานที่แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของ KBTG แต่วิธีคิดและรูปแบบการทำงานต้องปรับเปลี่ยนไปจากเดิม

“วัฒนธรรมการทำงาน และบรรยากาศของทีมมีความสำคัญมาก ตอนทำงานผมจะปักป้ายเอาไว้ว่า สตาร์ทอัพ โซน เพื่อบอกว่าการทำงานจะต้องรวดเร็ว เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องรีบตัดสินใจ ต้องทำ ต้องแก้ไข”

อย่างเช่นการออกไปสำรวจกลุ่มเป้าหมาย ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ คนตาบอด คนที่สายตาเลือนราง และผู้สูงวัย เพื่อให้มาซึ่งความต้องการใช้งานว่ามีในเรื่องใดบ้าง

โดยการทำงานจะรับคำปรึกษาจาก ดร.นันทนุช สุวรรนาวุธ ผู้เชี่ยวชาญระบบออนไลน์สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น ปัจจุบันเป็นนักวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

และร่วมกับพันธมิตร ABLE Lab (Achieve Better Living for Elderly Lab) นำทีมโดย ผศ.ดร.ชูจิต ตรีรัตนพันธ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการศึกษาวิจัยประสบการณ์การใช้งานให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ใช้อย่างแท้จริง

“เฉลี่ยอย่างน้อย 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ที่ลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจ จากนั้นก็นำกลับมาพัฒนา แล้วก็ลงไปทดสอบ แล้วก็กลับมาพัฒนา และปรับแก้ เป็นอยู่อย่างนี้จนกว่าจะได้เป็นแอพพลิเคชั่นตัวนี้”

ประสบการณ์และงานยากที่เจอเกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน อภิรัตน์ บอก หลายครั้งที่ลงไปสอบถามกับกลุ่มเป้าหมายแล้วพบว่าเค้ามองว่าแอพพลิเคชั่นที่กำลังจะทำอยู่นี้ไม่ได้น่าจะช่วยให้สะดวกขึ้นหรือดีขึ้น แต่ด้วยความเชื่อของเราที่มี ความเชื่อของทีมว่ากำลังทำอยู่นี้จะเป็นเรื่องดีและเกิดประโยชน์ทำให้ทีมงานเดินหน้าต่อ

“ผมว่าความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทีมเดินมาถึงจุดนี้ วันแรกๆ ที่เราเข้าไปคุยกับผู้ที่มีปัญหาทางการมองเห็น จะบอกว่า ไม่เห็นดีเลย ไม่ต้องทำหรอก เพราะที่ผ่านมาก็ช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว แต่เราก็เดินหน้าต่อ เพราะเชื่อว่าโซลูชั่นจะเป็นประโยชน์

เช่นเดียวกับชื่อ Beacon ที่หมายถึงแสงสว่าง หรือ ประภาคารก็ได้ เราก็ใช้ชื่อนี้สื่อให้ทุกคนได้รู้จัก”

ส่วนการนำมาใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงและพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ คาดว่าจะเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2560

เข้าถึงโลกการเงินเพียงปลายนิ้วสัมผัส

บีคอน อินเตอร์เฟส แอพพลิเคชั่นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน โดยใช้หน้าจอสัมผัสรูปแบบใหม่เพื่อให้ผู้บกพร่องทางการเห็น (Visually Impaired) ให้สามารถทำธุรกรรมการเงินบนโลกออนไลน์ได้ด้วยตนเอง

โดยคนกลุ่มนี้ทั้งคนตาบอด (The Blind) และคนสายตาเลือนราง (The Low Vision) คาดว่าจะมีกว่า 285 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคสังคมผู้สูงวัย จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ 

ด้วยข้อเด่นของการใช้งานง่าย การทำงานของแอพพลิเคชั่นนี้จะสั่งการด้วยเสียงและการสั่น หน้าจอแสดงด้วยสีสดและตัวอักษรใหญ่เหมาะกับกลุ่มผู้สูงวัยที่การมองเห็นเลือนรางใช้งานได้

ผู้ใช้จะใช้วิธีการเลื่อนหน้าจอไปทางด้านขวาเมื่อต้องการทำแต่ละรายการด้วยการทำงานของเทคโนโลยี Non-location Based Interface ที่ไม่ต้องใช้การมองที่หน้าจอ โดยทำงานร่วมกับ Multi-sensory Feedbacks ที่จะคอยช่วยเหลือและชี้นำการใช้งานในทุก ๆ ขั้นตอน

เมื่อต้องการโอนเงินทำการพิมพ์ชื่อบัญชีผู้รับด้วยการหมุนแป้นตัวอักษร จากนั้นระบบจะขานอักษรออกมาเป็นเสียง เพื่อให้ผู้ทำรายการโอนตรวจสอบได้ว่าถูกต้องหรือไม่ ต่อด้วยการขานตัวเลขแล้วทำการยืนยันในท้ายที่สุด

ธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่านวัตกรรมของบีคอน อินเตอร์เฟส นอกจากใช้กับกลุ่มผู้มีปัญหาทางการมองเห็นแล้วยังสามารถนำไปใช้ในประเทศด้อยพัฒนา อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลกที่ประมาณการว่าผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลกมีสูงถึงหนึ่งพันล้านคน รวมถึงคนที่อ่านหนังสือไม่ออกก็สามารถใช้แอพพลิเคชั่นได้อย่างไม่มีปัญหา