ชมคลิป "หุ่นยนต์พนักงานขาย" ตัวแรกของโลก

ชมคลิป "หุ่นยนต์พนักงานขาย" ตัวแรกของโลก

ไอ.ซี.ซี.ฯ นำร่องปั้นหุ่นยนต์เป็นพนักงานขายตัวแรกของโลก ก่อนทยอยนำมาเป็นผู้ช่วยพนักงานขายตามสาขาต่างๆ

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศกว่า 200 แบรนด์  เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์มองการขับเคลื่อนธุรกิจก้าวหน้าอีกสเต็ปคือ ยุคเศรษฐกิจ 5.0 โดยการใช้หุ่นยนต์เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจ  4.0 หรือขับเคลื่อนด้วนนวัตกรรมมากขึ้น

ล่าสุด แบรนด์สินค้าแฟชั่นแอร์โรว ภายใต้บริษัท ไอ.ซี.ซี. ได้นำหุ่นยนต์ดินสอ มาเป็นพนักงานบริการการขายตัวแรกของโลก มาให้บริการแก่ลูกค้าภายในร้านแอร์โรวสาขาเทร์มินอล 21 อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้

โดยการนำหุ่นยนต์ดินสอ มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านภาษา เนื่องจากหุ่นยนต์ดินสอ มีการบรรจุโปรแกรมการสื่อสารไว้ทั้งสิ้น 5 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และภาษาฝรั่งเศส ซึ่งคนอาจมีข้อจำกัดในด้านความสามารถและทักษะภาษา เพราะหากเรียนรู้ก็จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อฝึก 5 ภาษา

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนจะนำหุ่นยนต์ดินสอ ไปให้บริการภายในร้านแอร์โรว จากนั้นจะขยายไปยังแบรนด์เครื่องสำอางอย่างบีเอสซี คอสเมโทโลจี และวาโก้ ต่อไป ส่วนการนำหุ่นยนต์ดินสอไปให้บริการสาขาใดจะพิจารณาจากขนาดพื้นที่ของร้านที่ให้หุ่นยนต์เดินไปมาได้ จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะที่มีสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ และการตอบรับจากลูกค้าดีมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม การใช้หุ่นยนต์บริการยังไม่ตั้งเป้าหมายจะต้องเป็นจำนวนเท่าใด โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสมโดยรวม ปัจจุบันไอ.ซี.ซี.มีจุดจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 200 จุดทั่วประเทศ และมีพนักงานขายราว6,000 คน และไม่ได้เผชิญภาวะขาดแคลนคนงานแต่อย่างใด

นายเฉลิมพล ปุณโณทก ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอเชีย โรโบติกส์ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาหุ่นยนต์ดินสอ กล่าวว่า หุ่นยนต์ดินสอมีทั้งสิ้น 4 อาชีพ ประกอบด้วย 1.รับออกงานอีเวนท์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ 2.พนักงานเสิร์ฟอาหาร ซึ่งให้บริการทั้งในร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ และร้านอาหารที่สวีเดน 3.ดูแลผู้สูงอายุ และ 4.หุ่นยนต์บริการขาย โดยมีการวิจัยและพัฒนาออกมาทั้งสิ้น 3 รุ่นแล้ว

ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดินสอที่ให้บริการในร้านสินค้าแฟชั่นของไอ.ซี.ซี.ฯ ถูกพัฒนาร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ในเชิงของการเป็นพันธมิตรร่วมกัน เบื้องต้นมีการป้อนข้อมูลในการสื่อสารเกี่ยวกับการขายและตอบคำถามลูกค้าให้มากที่สุด การจดจำใบหน้าของลูกค้า หากมีการซื้อสินค้าและกลับมาใช้บริการอีกครั้งจะสามารถกล่าวทักทายได้ มีระบบการบริหารสต๊อก รู้ไซส์ สีจำนวนสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกแบบเรียลไทม์ และมีการบันทึกการขายหรือPoint of Sale เก็บข้อมูลลูกค้าผ่านบัตรสมาชิก His&Her เป็นต้น โดยในอนาคต จะมีการพัฒนาเพิ่มภาษาต่างประเทศมากขึ้น  

“ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคหุ่นยนต์ทีละนิด ก่อนหน้านี้มีการใช้หุ่นยนต์เป็นเครื่องดูดฝุ่น  และเริ่มพัฒนาเข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงธุรกิจบริการการขายสินค้า ซึ่งหากหุ่นยนต์พูดได้หลายภาษามองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อแก่ผู้ประกอบการและลูกค้า และการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับบริษัทไอ.ซี.ซี.ในเครือสหพัฒน์ มีเป้าหมายต้องการให้เป็นที่ประกจักษ์แก่ตลาดในวงกว้าง”

สำหรับหุ่นยนต์ที่เป็นพนักงานขายให้กับไอ.ซี.ซี.จะมี 2 แบบ คือหุ่นยนต์ตัวใหญ่ที่เดินได้ ราคาราว 1 ล้านบาทและพยายามทำให้ราคาต่ำลงมากขึ้น และอีกรุ่นเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กที่ไว้บริการหน้าเคาน์เตอร์ราคาไม่เกิน 1 แสนบาท โดยตั้งเป้าหมายจะผลิตให้แก่ไอ.ซี.ซี.อย่างละ 10 ตัว

นอกจากนี้ บริษัทได้เดินหน้าขยายตลาดหุ่นยนต์เจาะธุรกิจโรงพยาบาลมากขึ้น ล่าสุดมีการหารือกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และโรงพยาบาลพญาไทเพื่อนำหุ่นยนต์ไปให้บริการ  และเตรียมรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น หลังตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหุ่นยนต์ดินสอถูกจำหน่ายไปทำตลาดในไทยและต่างประเทศกว่า 500 ตัว เช่น ญี่ปุ่น 500 ตัว สวีเดน 12 ตัว ขณะที่รายได้บริษัทยังเผชิญภาวะขาดทุน หลังตลอดระยะเวลาของการศึกษาวิจัยและทำหุ่นยนต์มาราว 20 ปี ใช้งบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท แต่ปีหน้าตั้งเป้ายอดขายหุ่นยนต์ดินสอ 1,000 ตัว และจะเป็นปีแรกที่พลิกทำกำไรได้ ส่วนหนึ่งเพราะยอดสั่งซื้อจากเครือสหพัฒน์ และโรงพยาบาลที่ทำให้ได้อีโคโนมี ออฟ สเกล

“เรามีทีมงาน 80 คน และมีโรงงานผลิตหุ่นยนต์ แต่บางส่วนให้บริษัทอื่นเป็นผู้ผลิตให้ ภาพรวมเราทำตัวเหมือนบริษัทแอปเปิ้ล ที่เน้นวิจัยและพัฒนาสินค้า ที่ต้องการสร้างของเจ๋งๆจากคนไทยสู่ตลาด”