'แปลกและแตกต่าง'หนัง100ล้าน'จีทีเอช'

คำถามที่หัวเรือใหญ่วิสูตร พูลวรลักษณ์ ต้องเจอทุกครั้ง... อะไรคือ "สูตรสำเร็จการทำหนัง 100 ล้าน"

และคำตอบที่ วิสูตร ตอบเหมือนกัน คือ จีทีเอช "ไม่มีสูตรสำเร็จ" ว่าทำหนังอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน และยืนยันว่าไม่รู้หลักการนั้นจริงๆ เพราะหากดูสถิติของ "จีทีเอช" จะเห็นว่ามีทั้งหนังที่ทะลุ 100 ล้าน และต่ำกว่า 100 ล้านบาท "สลับ"กันอยู่ตลอดเวลา

"หากเรารู้สูตร นั่นแสดงว่าหนังจีทีเอช ต้องได้ 100 ล้านบาททุกเรื่อง"

แม้แต่เรื่องล่าสุด ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ที่ออกฉาย 15 วันโกยรายได้ไปแล้ว 243 ล้านบาท ก็ไม่ใช่ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในเรื่องต่อไป

วิสูตร ย้ำว่าจีทีเอช ไม่มีสูตรทำหนังให้ประสบความเร็จ แต่!!! มีคาแรคเตอร์อย่างหนึ่งของ จีทีเอช คือ จะทำในสิ่งที่ "แปลก" และ "แตกต่าง" จากเดิมที่เคยทำมา ทุกวันนี้ "จีทีเอช" ทำหนังด้วยความรู้สึกว่าเรื่องนี้ "น่าจะโดน"

"พูดง่ายๆ เราไม่ชอบอยู่กับที่ หรือจำเจ อยู่ในสิ่งเดิมๆ หรือสิ่งที่คนดูเคยเห็นมาแล้ว จีทีเอชจะไม่ทำ"

ดังนั้นสิ่งที่เราคิดจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่จีทีเอช ทำหนังจะมีกระบวนการที่ค่อนข้างละเอียดมาก ตั้งแต่การคิดเรื่อง ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะผ่านการพิจารณาของบอร์ด เพื่อกลั่นกรองให้คอนเซ็ปต์หนังถูกนำไปสร้าง "ถือเป็นขั้นตอนที่เรียกว่าเหนื่อยยากเอาการ"

หลังจากถูกผลิตออกมาเป็นหนัง 1 เรื่องแล้วยังต้องมีกระบวนการอีกมากในการผลักดัน เคี่ยวเข็ญ ดูแล พิธีพิถัน ทุกขั้นตอน ใส่ใจในทุกรายละเอียดกว่าจะออกมาฉายในโรงภาพยนตร์ หรือเป็นผลงานในแต่ละชิ้น

แม้ จีทีเอช จะสร้างประวัติศาสตร์ทำหนังระดับ 1,000 ล้านบาท จากเรื่อง พี่มาก...พระโขนง มาแล้ว แต่ วิสูตร ยืนยันว่าตัวเลขรายได้ระดับ 1,000 ล้านบาท "ไม่ใช่เป้าหมายที่จีทีเอชตั้งไว้" เพราะเป็นสิ่งที่...ในชีวิตนี้ อาจมีเพียงครั้งเดียว"

แต่ จีทีเอช จะทำในสิ่งที่ "เชื่อและมั่นใจ"ว่าทำได้ดี และสิ่งเดียวที่ดีที่สุด คือการเข้าใจความเป็นจริงของธุรกิจหนัง และปล่อยให้ทำงานด้วยตัวมันเอง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และสุดท้ายจะได้ในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง

นับจากวันแรกของการทำหนัง DNA ของ จีทีเอช อยู่ที่ "นิสัย" ของคนทำงาน ที่ "ไม่ค่อยซีเรียส ไม่เครียด หรือ กดดัน" กับการทำงาน

"เราเป็นค่ายหนังอารมณ์ดี"

หากเปลี่ยนจากคำถามว่าอะไรคือสูตรสำเร็จ ...เป็นอะไร คือ "คอนเซ็ปต์"หนังทำรายได้สูง วิสูตร บอกว่าจีทีเอช ใช้หลักคิดที่ว่า "หนังที่สามารถกวาดคนดูตั้งแต่อายุ 6-60 ปี นั่นคือหนังที่มีโอกาสทำรายได้สูง และเป็นเป้าหมายที่ค่ายหนังต้อง "หาให้เจอ" ในชีวิตการทำงานอุตสาหกรรมหนังมา 30 ปี เขาเห็นคอนเซ็ปต์นี้อยู่ 2 เรื่อง คือ จูราสสิค พาร์ค และพี่มาก...พระโขนง

ขณะที่สูตร..การทำงานของ จีทีเอช บอกได้ว่า "เราเป็นคนที่เรียนรู้ ...อะไรที่เคยผิดพลาดแล้วจะ "จำและแก้ไข"

เห็นได้จากประวัติศาสตร์การทำหนังนับจาก ปี 2547 ถึงปัจจุบัน หนังที่ "จีทีเอช" ทำพลาด ...จะไม่ย้อนกลับไปทำอีก และจะเปลี่ยนคาแรคเตอร์ หน้าหนัง และจะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

"เมื่อเราพลาดครั้งหนึ่ง เหมือนเราได้ฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง เพื่อที่วันหน้าจะไม่พลาดแบบนี้อีก เห็นได้ว่าจะไม่มีหนังที่ จีทีเอช เคยทำพลาดกลับมาทำอีก"

แต่!! การทดลองสิ่งใหม่ๆ จะต้องมีอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะพลาดอีกหรือไม่ การทำงานไม่สามารถหยุดนิ่งได้

แน่นอนว่าการทดลองสิ่งใหม่ๆ จะมีทั้งถูกและผิด เมื่อผิด...ก็กลับไปสูตรเดิม คือไม่ทำในสิ่งที่พลาด และกลับไปตั้งต้นใหม่ เพราะการทำหนัง เมื่อจบเรื่องนี้ ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในเรื่องต่อไป และความสำเร็จจะไม่ต่อเนื่องไปยังเรื่องอื่นๆ

หากหนังประสบความสำเร็จ ...ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า ความสำเร็จนั้นจะไม่อยู่กับเราตลอดไป ... และระดับความสำเร็จก็จะแตกต่างๆกันไป ถือเป็น "ธรรมชาติของการทำหนัง"