'ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์'ล้มเหลวในห้องทดลอง สู่ความสำเร็จ

ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ซีอีโอ อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป ปลุกปั้นธุรกิจจากห้องทดลองนวัตกรรมจขยายสู่5กลุ่มธุรกิจ
ชอบทดลองแบบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็กเงินพิเศษที่หาได้ก็หมดไปกับการคิดค้นทดลอง แม้จะผิดพลาดหลายครั้งก็ไม่ล้มเลิก
ดร. ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ซีอีโอ อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป ผู้ปลุกปั้นธุรกิจด้วยการคิดค้นนวัตกรรมในห้องทดลอง จากแรงบันดาลใจตามรอยนักวิทยาศาสตร์ก้องโลก ในธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกและยาง สร้างอาณาจักร 5 กลุ่มธุรกิจ 16 บริษัทส่งออกกว่า 100 ประเทศ ประกาศศักดาเบอร์ 1 พลาสติกปูพื้นรถกระบะ พอร์ตธุรกิจกว่าหมื่นล้าน
เพราะกลัวทางตันของคำว่าเราเป็น "ผู้รับจ้างผลิต" พึ่งพาเทคโนโลยีชาวบ้าน ตั้งแต่สมัยที่ไทยเริ่มต้นเข้าสู่ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ "ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG จึงได้ตั้งปณิธาน ทุ่มเทหัวใจพัฒนาสินค้าจากห้องทดลองส่วนตัว
ผนวกกับได้รับแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่จากนักวิทยาศาสตร์ผู้พลิกโลกจากหนังสือ "100 ชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก" โดยเฉพาะโทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟผู้ "ก้าวข้าม" ความล้มเหลวนับพันครั้ง ด้วยทัศนคติเชิงบวก
"ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่ค้นพบ 1,000 วิธีการที่ไม่ได้ผลต่างหาก”
ระดับนักประดิษฐ์ก้องโลกยังต้องผ่านการลองผิดลองถูก ดร.ภวัฒน์ จึงขอตามรอยความสำเร็จ ด้วยแนวคิดเดียวกัน
“ชอบทดลองแบบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็กๆ เงินทองที่หาได้จากการขายของจิปาถะหมดไปกับการคิดค้นทดลอง แม้จะผิดพลาดหลายครั้งก็ไม่ล้มเลิก”
จากนักวิทยาศาสตร์ผู้ไม่ยอมแพ้ในวันนั้น กลายเป็นความมุ่งมั่นชนะใจตัวเองด้วยการคิดค้นสูตรการสร้างฉนวนกันความร้อน จากสูตรงานวิจัยอันซับซ้อนเพียงไม่กี่สิบหน้ากระดาษของ "เจ้าตำรับ" สหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลายเป็นการสร้างนวัตกรรมสินค้าก้าวขึ้นเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมรายที่ 2 ของโลก ได้สำเร็จ
นับจากวันที่มีอายุเพียง 21-22 ปี จนปัจจุบันอายุ 63 ปี เขา "ต่อยอด" การผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราจากโรงงานยางพาราธุรกิจของพ่อ มาสู่เจ้าเทคโนโลยียางสังเคราะห์ หรือฉนวนกันความร้อนและความเย็น อุณหภูมิต่ำสุด - 40 องศาเซลเซียส และสูงสุด 100 องศาเซลเซียส พลาสติกปูพื้นกระบะ รวมถึงบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหาร
ย้อนกลับไป กลุ่มบริษัทในเครือ EPG ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2521 เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตและจำหน่ายยางพารา พลิกธุรกิจไปสู่การพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรม จนปัจจุบันขยาย 5 กลุ่มธุรกิจหลัก จาก 16 บริษัทย่อย คือ 1.แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฉนวนกันความร้อน ที่ใช้เป็นท่อส่งผ่านความร้อนเป็นความเย็นในเครื่องปรับอากาศ ทั้งในบ้าน อาคาร รถยนต์ ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีศูนย์กลางการผลิตในจีน สหรัฐ อินเดีย และเยอรมนี "ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 3 ของโลก" รองจากสหรัฐ และอิตาลี
2.กลุ่มบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ผลิตและจำหน่ายกระบะพลาสติก หลังคากระบะ ลงทุนผลิตในจีน และในไทย มีศูนย์กระจายสินค้าในสหรัฐ และออสเตรเลีย “ครองตลาดอันดับ 1 ของโลก" โดยเมื่อกลุ่มธุรกิจรถยนต์ไปตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศ จึงชวนแอร์โรคลาสไปตั้งฐานการผลิตมาเสริมทัพซัพพลายเชน เช่น ทาทา มอเตอร์ส นิสสัน และฟอร์ด
3.บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด ขยายธุรกิจเข้าไปซื้อกิจการบริษัท ไทยโมเดิร์นพลาสติก อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ในไลน์ใกล้เคียงกันกับกลุ่มธุรกิจ ปัจจุบันเป็นเจ้าตลาดในอาเซียน ส่งออกไปนอกอาเซียนบ้าง เช่น เกาหลี สัดส่วน 12%
4.บริษัท อีพีจี อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด จากหน่วยงานหนึ่งในบริษัท ได้ทุ่มเทและลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท แยกตั้งบริษัทใหม่ตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อเดินตามเรือธงเติบโตมาด้วยความเป็น “องค์กรแห่งนวัตกรรมที่สร้างสรรค์” (Creative Innovation Organization) ห้องวิจัยและพัฒนา ศูนย์ทดลองและทดสอบการเผาไหม้ ศูนย์เดียวในไทยรับทดสอบผลิตภัณฑ์จากบริษัทอื่นในประเทศโดยไม่ต้องส่งไปทดสอบไกลถึงสิงคโปร์ ประหยัดเวลาและต้นทุน กลายเป็นบริษัทที่คืนทุนตั้งแต่ 2 ปีแรก
5.บริษัท ร่วมทุน (ก่อตั้งปี 2554) ภายใต้ อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป ตั้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมพานีไปร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกในไลน์การผลิตเดียวกัน ทั้งเป็นลูกค้า เจ้าของเทคโนโลยี ช่วยต่อฐานขยายตลาดและธุรกิจในเครือ พร้อมกับได้เรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตจากต่างชาติ โดยไปร่วมทุนกับ 2 บริษัท คือ โตไก อีสเทิร์น รับเบอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตยางกันสะเทือนจากญี่ปุ่น EPGถือหุ้น 29% ผู้ผลิตและจำหน่ายวางผสม
โดยรวมพอร์ตธุรกิจในเครือ EPG ปัจจุบันกระโดดไปที่มูลค่าหมื่นล้านบาท เป็นเจ้าของนวัตกรรมที่เป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์และออกแบบกว่า 300 ฉบับทั่วโลก หลังจากวางฐานการผลิตในกลุ่มสินค้าจนมีฐานการผลิตและตลาดอันแน่นหนาแล้ว
กลยุทธ์ต่อสยายอาณาจักรครอบคลุมทั่วโลก ดร.ภวัฒน์ ยังวางขุมข่ายธุรกิจก่อนส่งให้พี่น้องอีก 7 คนเข้าไปสานต่อธุรกิจที่กระจายไปทั่วโลก
ส่วนตัวเขากลับไปเดินตามรอยความฝันและความถนัดเฉพาะตัว คือการเป็น "ซีไอโอ" หรือประธานบริหารด้านนวัตกรรม (CIO -Chief Innovative Officer) กลับไปคิดค้นทดลองพัฒนานวัตกรรมให้กับสินค้าในเครือ
ความโดดเด่นที่ทำให้ EPG เติบโตขึ้นมาได้จนขยายไลน์ในปัจจุบัน ด้วยการวางกลยุทธ์เลือกผลิตสินค้าเฉพาะ (Niche) ที่ไม่มีใครทำ แต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และมีนวัตกรรมที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง แต่ผลิตจำนวนมากครอบคลุมอุตสาหกรรม
ก่อนกลับเข้าสู่ห้องวิจัย เขาได้เสริมแกร่งฐานธุรกิจให้แน่นหนัก พร้อมบุกตลาดโลก ด้วย 6 อาวุธหลัก คือ 1.ขยายตลาดส่งออกเพิ่มจาก 100 ประเทศทั่วโลก 2.สร้างมูลค่าจากการวางขุมข่ายตัวแทนผู้จำหน่ายสินค้า(Licensing) ในทวีปยุโรป 3.ขายแฟรนไชส์ในกลุ่มสินค้าเครื่องจักร วัตถุดิบที่พัฒนาขึ้นมาจนมีแบรนด์ยอมรับในวงการ
4.แสวงหาพันธมิตรติดปีกเทคโนโลยี ทั้งจากสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น 5.เพิ่มกลุ่มธุรกิจร่วมทุนในต่างประเทศจากเดิมอยู่เฉพาะในไทย ที่ข้ามไปจับมือเพิ่มในจีน ชื่อ แอร์โรคลาส คอนสตรัคชั่น แมททรีเรียล ในมณฑล เจียงซู ประเทศจีน และไปตั้งแอร์โรเฟล็กซ์ ในประเทศอินเดีย ตามคำเชิญชวนลูกค้ากลุ่มรถยนต์ที่เข้าไปลงทุนในตลาดอินเดีย เช่น ทาทา ฟอร์ด และนิสสัน รวมไปถึงข้ามไปอีกทวีปลงทุนในยุโรป ร่วมทุนกับ แอร์โร เฟล็กซ์ จีเอ็มบีเอช (GmBH) ในเยอรมัน
“รถกระบะทุกแบรนด์ในโลกใช้ผลิตภัณฑ์จากเรา เราจึงเป็นเจ้าพ่อในเรื่องไลน์เนอร์ ส่วนรถยนต์นั่ง เราทำในจีนโดยการร่วมทุน”
เมื่อฐานแข็งแกร่งและเป็นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ยาง และพลาสติกที่อุตสาหกรรมทั่วโลกรู้จัก จึงไม่ยากเกินไปที่จะสยายปีกไปลงทุนต่างแดน ครอบคลุมตลาดทั่วโลกในทุกทวีป ป้อนสินค้าให้กับตลาด รวมถึงมีสรรพกำลังเพียงพอที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ
ดร.ภวัฒน์ ยังเล่าว่า
“จากปี 2546 รายได้ 1,000 ล้านบาท ก้าวกระโดดเพิ่มเป็น7 พันล้านบาท หรือ 7 เท่าตัวภายในเวลา 10 ปี ล้วนมาจากการวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) จากที่จ่ายปีละ 30 ล้านบาทจนปัจจุบันเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาเป็น 100 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่า" เขาเผย
ทว่า อีกสเต็ปที่ทำขยายให้ธุรกิจครอบครัวกระจายไปครอบคลุมทั่วโลกนั้น จะต้องขยับไปสู่ "การซื้อและควบรวมกิจการ" (เอ็มแอนด์เอ)
“หากต้องการให้กิจการเติบโตมากกว่านี้เพิ่มยอดขายและตลาดจะต้องขยับไปทำเอ็มแอนด์เอ เราเล็งไปซื้อกิจการบริษัทต่างประเทศที่เริ่มไม่ทำกำไร ไม่มีการพัฒนานวัตกรรม ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าเราทั้งในเยอรมัน อินเดีย รวมถึงในไทย”
และนี่คือบริบทความสำเร็จทางธุรกิจ ของนักวิทยาศาสตร์ผู้ไม่ยอมแพ้..







