คมนาคมดันโครงสร้างพื้นฐานเชื่อม6เขตศก.พิเศษ

คมนาคมกางแผนโครงสร้างพื้นฐาน ผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 แห่งใน 2 ปี เดินหน้าพัฒนาแม่สอดเต็มที่
ทั้ง'ขยายสนามบิน-ถนน-สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2' พร้อม'ถนน-รางคู่'เชื่อมทุกภาค ขณะเจบิค พร้อมร่วมลงทุน-สนับสนุนทางการเงิน
กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมด่านการค้าชายแดน 6 แห่ง ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ต้องการเร่งการผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจะเสร็จภายใน 2 ปี
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร ภายใต้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) วันที่ 18 ส.ค.นี้ โดยจะเร่งผลักดันโครงการในพื้นที่ 6 ด่านแรกให้เสร็จในปี 2557-2558 จากนั้นจะพัฒนาอีก 12 โครงการในปีต่อไป
"คมนาคมเตรียมแผนไว้แล้ว รอแต่งบประมาณ แต่หากโครงการใดมีความเร่งด่วน ก็คงต้องทยอยใส่งบประมาณลงไป กรมทางหลวงต้องเตรียมการถนนที่ด่านชายแดนให้พร้อมและจัดการให้ถนนสายหลักในเมืองไม่เป็นคอขวด ขณะที่กรมเจ้าท่ากำลังพัฒนาท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราดให้เสร็จปี 2558 และเตรียมความพร้อมท่าเรือใหญ่ๆ เพื่อให้เชื่อมโยงกับจังหวัดตราด เช่น ท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 ท่าเรือปากบารา แม้จะเกลี่ยงบประมาณมาใช้ปีนี้ไม่ทัน แต่ต้องมีการยึดโยงเพื่อรองรับด่านทางภาคใต้"
ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะต้องพัฒนาให้ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้มีความพร้อมมากขึ้น โดยพัฒนาเส้นทางรถไฟจากจ.ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ-คลองลึก-ปอยเปต ส่วนกรมทางหลวงชนบทจะมีการพัฒนาถนนจากด่านคลองลึกเข้าไปสู่ถนนสายใหญ่ของกรมทางหลวง และกรมการบินพลเรือนต้องไปวางแผนพัฒนาสนามบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับ พื้นที่ 6 ด่านที่ต้องพัฒนาในปี 2557-2558 คือ 1.ด่านแม่สอด จ.ตาก กรมการบินพลเรือนวางแผนพัฒนาสนามบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแม้จะยังไม่เปิดเป็นเขตเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอเข้าไปลงทุนในพื้นที่จำนวนมาก
ขณะที่ถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก ในพม่าระยะทาง 46.6 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จในปีหน้า ปัจจุบันก่อสร้างเร็วกว่าแผน 9.21% และขยายช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางตาก-แม่สอด ตอนที่ 2 ให้เป็น 4 เลน ระยะทาง 13.23 กิโลเมตร ปัจจุบันล่าช้ากว่าแผน 13.67%
ปีงบประมาณ 2558 จะมีการขยายช่องจราจรเส้นทางตาก-แม่สอด ตอนที่ 3 ให้เป็น 4 เลน ส่วนโครงการในอนาคตได้แก่ โครงการขยายเส้นทางตาก-แม่สอด ตอนที่ 4 ให้เป็น 4 เลน ระยะทาง 25.5 กิโลเมตรเสร็จในปี 2560 และโครงการสะพานข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ระยะทาง 22.4 กิโลเมตร ความกว้าง 4 เลน มูลค่า 2,200 ล้านบาท ตามจะแผนดำเนินการระหว่างปี 2559-2560 โดยมีพื้นที่เหมาะจะคัดเลือกเป็นศูนย์บริการพักรถบรรทุก 3 แห่ง และจุดจอดพักรถบรรทุก 6 จุด ในภาคเหนือ
“กรมทางหลวงออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งจะต้องเสนอว่าโครงการนี้มีความสำคัญ ควรมีการเตรียมตัวไว้ให้เห็นภาพชัดเจนว่ายังไงก็ต้องเกิด นอกจากนี้จะปรับปรุงความยาวทางวิ่งของท่าอากาศยานแม่สอดเป็น 2,100 เมตร สามารถจอดเครื่องบินโบอิง 737 ได้จำนวน 3 ลำ และก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารพร้อมอาคารประกอบ โดยปัจจุบัน บพ. กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อที่ดิน” นางสร้อยทิพย์กล่าว
สร้างถนน-รางคู่เชื่อมด่านมุกดาหาร
2.พื้นที่จ.มุกดาหาร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 ตอนกาฬสินธุ์-บรรจบทางหลวงหมายเลข 12 ตอนที่ 1 ระยะทาง 8 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จในปีนี้ ขณะเดียวกันจะมีการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 336 เพื่อสนับสนุนด่านมุกดาหาร
ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบรายละเอียดคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557
ส่วนโครงการในอนาคต ได้แก่ โครงการทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางกาฬสินธุ์-อ.สมเด็น ตอน 2 ระยะทาง 19 กิโลเมตร มูลค่า 760 ล้านบาท เส้นทางกาฬสินธุ์-นาไคร้-อ.คำชะอี ระยะทาง 107 กิโลเมตร มูลค่า 5,400 ล้านบาท และทางหลวงหมายเลข 212 เส้นทางหว้านใหญ่-ธาตุพนม ระยะทาง 23 กิโลเมตร มูลค่า 1,050 ล้านบาท ทั้งหมดแล้วเสร็จปี 2561 โดยมีพื้นที่ทางเลือกจะเป็นศูนย์บริการพักรถบรรทุกที่เหมาะสม 3 แห่ง และจุดจอดพักรถบรรทุก 9 แห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขยายถนนเส้นทางอรัญประเทศ
3.ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายทางแยกทางหลวงหมายเลข 304 (อำเภอสารคาม) บรรจบทางหลวงหมายเลข 33 (สระแก้ว) ตอนที่ 3 ให้เป็น 4 เลน ระยะทาง 27.7 กิโลเมตร วงเงิน 419.5 ล้านบาท ขณะนี้คืบหน้ากว่าแผน 0.53%
ส่วนโครงการในอนาคต คือ ขยายเส้นทางอรัญประเทศ-ชายแดนไทย/กัมพูชาเป็น 4 เลน ระยะทาง 22 กิโลเมตร มูลค่า 1,340 ล้านบาท และขยายแยกทางหลวงหมายเลข 33 (ท่าข้าม) บรรจบทางหลวงหมายเลข 3511 (หนองเอี่ยน) เป็น 4 เลน ระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่า 370 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการทำระหว่างปี 2559-2561
พัฒนาท่าเรือ-ขยายถนนจ.ตราด
4.ด่านคลองลึก จ.ตราด มีโครงการที่ได้รับงบประมาณในปี 2558 ได้แก่ โครงการขยายทางหลวงหมายเลข 3 เส้นทางตราด-หาดเล็กตอน 1 เป็น 4 เลน ระยะทาง 35 ล้านบาท มูลค่า 1,400 ล้านบาท กำหนดดำเนินงานปี 2558-2560 รวมถึงพัฒนารถไฟเส้นทางแหลมฉบัง-มาบตาพุด
5.ด่านหาดเล็ก ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ปัจจุบันมีการสร้างท่าเทียบเรือคลองใหญ่กำหนดแล้วเสร็จปี 2558 และทางหลวงหมายเลข 3 เส้นทางตราด-หาดเล็ก ตอน 1 ให้เป็น 4 เลน ระยะทาง 35 กิโลเมตร มูลค่า 1,400 ล้านบาท
สร้างมอเตอร์เวย์-รางคู่เชื่อมด่านสะเดา
6.ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา โครงการในอนาคต ได้แก่ โครงการถนนมอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย ระยะทาง 64 กิโลเมตร มูลค่า 23,900 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังศึกษาความเหมาะสม และรถไฟรางคู่เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รวมถึงการก่อสร้างท่าเรือปากบาราและท่าเรือสงขลา 2 รวมถึงท่าอากาศยานจังหวัดยะลา
สำหรับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรอ.) กำลังวางแผนว่าเขตเศรษฐกิจรองรับอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เห็นว่าควรกำหนดนโยบายให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมนำสินค้าหรือวัตถุดิบที่มาผลิตหรือแปรรูปที่ด่านชายแดน เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ การจ้างงาน และทำให้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านหรือแรงงานในท้องถิ่นได้ทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
เจบิคพร้อมหนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
พล.อ.ท. มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ และที่ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่วนกองทัพอากาศเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 7 ส.ค.นายทาดาชิ มาเอดะ ประธานด้านการเงินเพื่อโครงการก่อสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และกรรมการผู้จัดการอาวุโสธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) หรือ “เจบิค” พร้อมด้วยคณะ และนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ
นายทาดาชิกล่าวว่าประเทศญี่ปุ่นในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเป็นมิตรไมตรีต่อประเทศไทยมาเป็นเวลาช้านานทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยญี่ปุ่นยังมีความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยและในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการลงทุนระยะยาวเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นจำนวนการลงทุนที่มากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และโครงการพัฒนาในทุกด้านของประเทศไทยในอนาคต
ด้านพล.อ.อ.ประจิน ได้กล่าวขอบคุณที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยและแสดงเจตนารมณ์ที่ดีที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และย้ำว่าขณะนี้แผนงานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการแล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องของแหล่งเงินลงทุน







