ต่างชาติซื้อหุ้นบีอีซีเก็งกำไรไตรมาส3ทุบสถิติ

ต่างชาติซื้อหุ้นบีอีซีเก็งกำไรไตรมาส3ทุบสถิติ

ต่างชาติแห่ซื้อหุ้นบีอีซีเพิ่ม ทั้ง จีไอซี-ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้แบงก์-บีเอ็นพี โบรกฯคาดกำไรไตรมาส3ปีนี้ ที่ 1.44 พันล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดเทียบกับครั้งก่อน พบว่าสถาบันการต่างชาติได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นบริษัทบีอีซี เวิลด์ (BEC) เช่นกองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ (CIG) ถือหุ้น 1% จากเดิมไม่ปรากฏการถือหุ้น เดอะ ฮ่องกง แอนด์ เซี่ยงไฮ้ แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ฟันด์ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 3.76%จากเดิม 2.91% บีเอ็นพี พาริบาร์ส ซีเคียวริตี้ เซอร์วิส ลักซัมเบิร์ก 2.15%จากเดิม 1.76% ขณะที่กลุ่มมาลีนนท์ถือครองหุ้นรวม 42%

นักวิเคราะห์จากบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง วิเคราะห์ว่า แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของอุตสาหกรรมโฆษณา แต่คาดว่ากำไรของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือมีกำไรประมาณ 1.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้โฆษณาที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) โดยเพิ่มขึ้นถึง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยที่ทำให้รายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการขยายเวลาออกอากาศละครหลังข่าวในช่วงวันจันทร์ - พฤหัสบดี จำนวน 15 นาทีต่อวัน ตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา และ การทยอยปรับค่าโฆษณาสำหรับบางรายการตั้งแต่ต้นปี ทำให้เม็ดเงินโฆษณาช่อง 3 ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. จากการสำรวจโดยเนลสัน เพิ่มขึ้น 11.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ซึ่งหดตัว 0.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 26.7% ในปีก่อน โดยอย่างยิ่งในเดือน ส.ค. ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาทางช่อง 3 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นถึง 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทย่อยยังมีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ได้แก่ โซนิค แบง และ จัสติน บีเบอร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้การจัดคอนเสิร์ตเติบโตอย่างโดดเด่น

จากการปรับตัวของ 2 สถานีหลัก คือช่อง 7 และช่อง 3 โดยเฉพาะช่อง 7 มีการปรับผังรายการเดือน ต.ค. โดยขยายเวลาละครหลังข่าว 10 นาทีต่อวัน และเพิ่มละครช่วงเย็นจาก 1 เรื่อง เป็น 2 เรื่อง อีกทั้งเพิ่มรายการข่าวบันเทิง ขณะที่ช่อง 3 ปรับขึ้นค่าโฆษณารายการ ซีซันนอล โปรแกรม(Seasonal program) เชื่อว่าแม้อุตสาหกรรมโฆษณามีแนวโน้มชะลอตัวลงแต่ความต้องการซื้อโฆษณารายการบันเทิงของ 2 สถานีหลักนี้ยังคงสูงต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสองสถานีมีการขยายเวลารายการบันเทิงและขึ้นค่าโฆษณา โดยทั้งสองสถานีมีส่วนแบ่งผู้ชม รวมกันถึง 80%

ทั้งนี้ ประเมินว่าทีวีดิจิทัลเป็นมูลค่าเพิ่มระยะยาว โดยบริษัทบีอีซีได้ซื้อซองประมูลทีวีดิจิทัลครบทั้ง 4 หมวดรายการ คาดว่าจะเข้าประมูลให้ได้ 1-2 ช่อง จึงเชื่อว่าบีอีซี มีศักยภาพในการทำธุรกิจ ซึ่งจะเป็นอัพไซด์ต่อผลประกอบการในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยเงินสดสุทธิกว่า 5 พันล้านบาท มี เนื้อหา หรือ คอนเทนท์ที่แข็งแกร่ง มีฐานผู้ชมที่มีความคุ้นเคยกับสถานี มีความสามารถในการผลิตรายการเพิ่มเติมจากการมีบุคลากรจำนวนมาก อีกทั้งมีประสบการณ์ในการบริหารสถานีโทรทัศน์ อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงจากการแข่งขันสูงขึ้นจากการมีจำนวนช่องรายการมากขึ้นหลังประมูลทีวีดิจิทัล

ด้านบล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มสื่อและบันเทิงเท่ากับตลาด แม้ว่าเม็ดเงินโฆษณาในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เติบโตเพียง 1.3% และคาดว่าทั้งปีจะเติบโตไม่เกิน 30% แต่มองว่าทีวีดิจิทัลที่มีช่องรายการประเภทธุรกิจ 24 ช่อง ที่จะเริ่มแพร่ภาพต้นมี.ค. 2556 จะเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินโฆษณากลับมาเติบโตในระดับสูงอีกครั้ง โดยเชื่อว่า บริษัท อาร์เอส (RS) และบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) จะได้รับประโยชน์จากทีวีดิจิทัมากที่สุด จากการรับจ้างผลิตคอนเทนท์ที่เพิ่มขึ้น และกำลังการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น