ดุอาอ์แห่งความหวัง 'ยามีล๊ะ หะยี' ฝีเข็มงามด้วยศรัทธาและศิลปะ

เรื่องราวของ "ยามีล๊ะ หะยี" ศิลปินจากชายแดนใต้ ผู้แปรรอยเข็มสู่ภาพวาดบนผ้าแก้วผืนบาง ไม่ได้เพียงแค่ลวดลายที่สวยงาม แต่ยังเป็นตัวกลางในการส่งสารเยียวยาหัวใจผู้คน
ผลงาน "ดุอาอ์" หรือ คำวิงวอนขอพร ที่สร้างสรรค์โดย ยามีล๊ะ หะยี ศิลปินหญิงวัย 36 ปี จากตันหยงมัส จังหวัดนราธิวาส ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค UOB Southeast Asian Painting of the Year ประจำปี 2568 รางวัลทรงเกียรติที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ศิลปะที่ก่อเกิดจากจิตวิญญาณสามารถส่งเสียงก้องไกลกว่าเส้นพรมแดน
ผลงานนี้สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคเย็บปักบนผืนผ้า ถ่ายทอดภาพสตรีในท่วงท่าวิงวอนขอพร สื่อถึงความปรารถนาร่วมกันเพื่อการเริ่มต้นใหม่และความกลมเกลียว ร่างกายของพวกเธอถูกถักทออย่างประณีตในฉากที่เหมือนความฝัน เพื่อสร้างเรื่องราวทรงพลังที่ผสมผสานระหว่างประเพณี จิตวิญญาณ และจินตนาการ ศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด “ความงามคือภาพสะท้อนของความเข้มแข็ง” และใช้สัญลักษณ์เพื่อสะท้อนความปรารถนาของมนุษยชาติ
ฝีเข็มของแม่ในความทรงจำ
เส้นทางศิลปะของยามีล๊ะไม่ได้เริ่มต้นในแกลเลอรีหรูหรา แต่เริ่มจากภาพจำในวัยเด็กวัย 12 ปี ที่เติบโตมากับการได้เห็นแม่และกลุ่มสตรีในหมู่บ้านที่รวมกลุ่มกันเย็บปักถักร้อยและทำผ้าคลุมฮิญาบ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ในงานศิลปะร่วมสมัยของเธอในปัจจุบัน
แม้จะเคยรับราชการครูอยู่ 2 ปี แต่ความที่เป็นคนรักอิสระ ทำให้เธอตัดสินใจลาออก เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นศิลปินเต็มตัว ท่ามกลางคำถามและความห่วงใยจากคนรอบข้างถึงความมั่นคงในอาชีพ
"เราได้พิสูจน์แล้วว่า จริงๆ แล้ว... คนที่เรียนด้านศิลปะ จากความคิดดั้งเดิมของคนแถวบ้าน หรือแม้กระทั่งคนในสังคม คือเขาเข้าใจว่าเรียนศิลปะแล้วอาจจะไส้แห้ง แต่ว่าถ้าเราพิสูจน์แล้ว ก็คือเรายืนหยัดในสิ่งเรารักจริงๆ คือคิดเสมอว่า วันนึงผลพลอยได้เหล่านั้นจะตามมาในเวลาที่เหมาะสม"
รางวัลที่รอคอยมา 10 ปี
ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ยามีล๊ะ เล่าว่า ตัวเธอเคยส่งผลงานเข้าประกวดเวที UOB ครั้งแรกเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ในขณะที่กำลังศึกษาปริญญาโท ครั้งนั้นเธอไม่ได้รับรางวัลใดๆ กลับบ้าน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสบการณ์อันล้ำค่า และบทเรียนที่สอนให้รู้ว่า “จังหวะเวลา” สำคัญเพียงใด
“เดิมตัวเองก็เคยส่งงานประกวด UOB ครั้งแรกเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ตอนเรียน ป.โท ตอนนั้นไม่ได้รางวัล แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ เป็นประสบการณ์ที่เราต้องสะสมเยอะๆ แล้วก็หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่งของ UOB อีกเลย เพราะรู้สึกว่า ยังไม่พร้อม แต่ก็ติดตามกิจกรรมในทุกๆ ปีของคนที่ได้รับรางวัล พอมาปีนี้ รู้สึกว่าพร้อมแล้วที่จะส่ง ก็เลยเต็มที่กับผลงานชุดนี้ และชอบผลงานชุดนี้มาก” เธอเล่า
การกลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อชัยชนะ แต่เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของการเยียวยา ผลงาน "ดุอาอ์" ที่ใช้เวลาสร้างสรรค์เกือบ 2 เดือน บนผ้าแก้วผืนบางขนาด 2 เมตร คือกระบวนการบำบัดจิตใจของเธอเอง และสะท้อนถึงโครงการศิลปะบำบัดที่เธอทำร่วมกับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ทั้งเด็กกำพร้า ผู้พิการ และครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในชายแดนใต้
ยามีล๊ะ บอกว่า เป็น 2 เดือนของการทำงาน ที่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน เพราะเธอทำด้วยความสุข... เหมือนได้บำบัดจิตใจของตัวเองไปด้วย
Yamila Art Studio พื้นที่แห่งการให้และการรับ
เงินรางวัล ความสำเร็จ และผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ตลอดเส้นทางศิลปะได้แปรเปลี่ยนมาสู่ Yamila Art Studio ซึ่งยามีล๊ะได้นำเงินไปซื้อบ้านมือสองมารีโนเวทเป็นสตูดิโอทำงานศิลปะในตำบลตันหยงมัส ติดสถานีรถไฟ เพื่อให้เป็นทั้งที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย และศูนย์กลางของชุมชน
ภาพจาก Jamilah Art Studio
ที่นั่น เด็กๆ ในชุมชนเรียกเธอว่า "ครูละ" ผู้มอบโอกาสให้พวกเขาได้ระบายสีเสื้อ เพนต์กระเป๋า และใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการก้าวข้ามความเจ็บปวด
"แม่ๆ กับลูกๆ ก็จะถามว่า ครูละมีเรียนศิลปะวันไหนต่อ อยากไป อยากไป... เหมือนเราก็มีกำลังใจที่อยากทำต่อด้วย" เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ภาพจาก Jamilah Art Studio
UOB Painting of the Year ที่มากกว่า ‘เวทีประกวด’
เกี่ยวกับการประกวด UOB Painting of the Year นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีเพื่อส่งเสริมสนับสนุนศิลปินที่มากกว่าการแจกรางวัลแล้วจบไป แต่คือการสร้าง "โอกาส" และ "อาชีพ" ที่ยั่งยืนให้กับศิลปิน
โครงการนี้ทำหน้าที่เป็นสปริงบอร์ดที่ส่งศิลปินไทยไปสู่เวทีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการจัดแสดงผลงานต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ฮ่องกง, จาการ์ตา รวมถึงโอกาสในการเป็นศิลปินในพำนัก (Residency) ณ กรุงปารีส หรือ ฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่เครือข่ายศิลปะนานาชาติ
สำหรับยามีล๊ะนั้น แม้ว่าจะไม่ได้รับเลือกเป็นศิลปินในพำนักฯในปีนี้ แต่ก็ยังได้รับโอกาสร่วมงานกับหลายๆ กิจกรรมด้านศิลปะของ UOB รวมถึง รางวัลนี้คือเครื่องยืนยันว่า ศิลปะสามารถเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว และเลี้ยงจิตวิญญาณของผู้คนในชุมชนได้จริง
"ศิลปะอาจจะสำเร็จ อาจจะต้องใช้เวลา... อยากเป็นกำลังใจให้ศิลปินรุ่นใหม่ หรือศิลปินที่ทำอาชีพศิลปะโดยตรง... อยากให้เขาไม่ย่อท้อต่อเส้นทางที่เขาเลือก" เธอกล่าวปิดท้าย
เมื่อศรัทธาผนวกกับความเพียร และได้รับการสนับสนุนที่ถูกจุด "ดุอาอ์" หรือคำขอพรนั้น ย่อมสัมฤทธิ์ผลในเวลาที่งดงามเสมอ







