ดีไซน์นี้เพื่อ “แฟนพันธุ์แท้”

ดีไซน์นี้เพื่อ “แฟนพันธุ์แท้”

กระแสรักสัตว์ รักษ์โลก คลั่งไคล้จักรยาน หลากหลายความหลงใหล ที่ทำให้ผู้คนยุคนี้มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ได้เวลาออกแบบสินค้าสนอง"แฟนพันธุ์แท้"

กระเป๋าสุดโก้ หมอนอิง สมุดโน้ต ของแต่งบ้าน ดีไซน์น้องหมาน่ารักน่าชัง ละลานตาอยู่เต็มเว็บไซต์ www.dogdogo.com ผลงานของแบรนด์ dogdogo (ด็อกดูโก) ที่ไม่ได้ทำแฟชั่นให้สัตว์เลี้ยงใช้ แต่เอาใจเหล่า “Dog Lover” กลุ่มคนรักน้องหมา และคนชอบสินค้ามีดีไซน์โดยเฉพาะ

เบื้องหลังผลงาน คือ “นุศรา ลิปตพัลลภ” ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง แบรนด์ dogdogo (ด็อกดูโก) ที่ควงคู่ศิลปินนักออกแบบ “แสงเดือน เจนหัตถการกิจ” มาละเลงภาพน้องหมานับ 20 สายพันธุ์ ทั้งสัญชาติอเมริกันและญี่ปุ่น ให้มีชีวิตบนผลิตภัณฑ์สุดเก๋ จนกลายเป็นแบรนด์เนื้อหอมในตลาดทั้งในและต่างประเทศ

“กลุ่มคนรักสัตว์มีอยู่ทั่วโลก”

เสียงสะท้อนความเชื่อมั่นจาก “นุศรา” ที่ทำให้ตัดสินใจลุกมาทำผลิตภัณฑ์เอาใจคนรักน้องหมา เพราะมั่นใจว่าน่านน้ำนี้กว้างใหญ่นัก และไม่ใช่แค่ตลาดในไทย แต่หมายถึงผู้คนทั้งโลก

ที่มาของการจับเอา “สัตว์เลี้ยง งานศิลปะ และแฟชั่น” มาผสมผสานจนเป็นเรื่องเดียวกัน

“ด้วยความที่เป็นคนชอบสุนัข และมีน้องหมาของตัวเองด้วย เลยมีความรู้สึกว่า เวลาไปโน่นมานี่ ก็อยากจะหาของที่ทำให้ได้ระลึกถึงเขา เป็นของที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และมีความเป็นแฟชั่นด้วย ซึ่งเราเป็นนักออกแบบจึงไม่อยากหยิบงานของใครมาทำ เลยให้น้องที่เป็นศิลปินวาดสุนัขเหล่านี้ขึ้นมา และเป็นลิขสิทธิ์ของเราเอง”

เวลาหนึ่งปีเต็ม หมดไปกับการวาดคาแรคเตอร์น้องหมาให้สมจริงและดูมีชีวิต ชนิดที่ว่า ใครลองได้สบตาเป็นต้อง “แพ้ใจ” ต้องหอบหิ้วเจ้าตูบเหล่านี้กลับบ้านไปด้วย และนั่นคือความตั้งใจของพวกเขา เช่นเดียวกับการคิดชื่อแบรนด์ “dogdogo” ในภาษาอังกฤษ “do go” ก็อารมณ์ไปไหนขอไปด้วย ส่วนภาษาไทยออกเสียงว่า “ดูโก้” ใช้แล้วดูเท่ห์อีกด้วย

“ด็อกดูโก ไม่ได้เป็นแบรนด์ของคนรักน้องหมาทั่วๆ ไป แต่อยากให้เป็นคนรักสุนัขที่อบอุ่น และมีข้างในด้วย ผลงานทุกชิ้น จึงมีชื่อ มีเรื่องราว ให้ผู้คนได้รู้จักสายพันธุ์ รู้ว่าเขามีต้นกำเนิดมาจากไหน นิสัยทั่วๆ ไป เป็นอย่างไร”

นั่นคือเหตุผลที่งานทุกชิ้นของด็อกดูโก มีความพิเศษเฉพาะ เรียกว่าเป็น “Original” ไม่ซ้ำซากจำเจกับใคร ขณะที่การออกแบบก็คิดกันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะการคัดเลือกสายพันธุ์ ที่การออกแบบต้องไปสอดรับกับลักษณะนิสัยของเจ้าตูบในแต่ละสายพันธุ์ด้วย

อย่าง โทนสีเข้ม ออกแนวทหารๆ ก็จะเป็นสุนัขพันธุ์ดุ พวก ร็อตไวเลอร์, ไซบีเรียนฮัสกี้ หรืออย่าง พิทบูลเทอร์เรีย ส่วนดีไซน์ที่ดูเป็นมิตร มีความร่าเริง สดใส ก็นำเสนอผ่านสายพันธุ์อย่าง อิงลิชบูลล์ด็อก และ บลูเทอเรีย เหล่านี้ ขณะที่กลุ่มน่ารักน่าชัง อย่างหมากระเป๋า ที่โดนใจใครหลายคน ก็ดึงเอาพระเอกอย่าง ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ชิวาวา และ พุดเดิ้ล มาทำให้สินค้าดูมีชีวิตและมีสีสันขึ้น ตามลักษณะนิสัยของน้องหมาสายพันธุ์นั้นๆ

“แบรนด์ของเราจะเป็น Unisex ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้ความรู้สึก ร่าเริง เข้มแข็ง กล้าหาญ และดูแตกต่าง ซึ่งถ้าเราใส่ความตั้งใจเข้าไป มันจะเกิดเป็นเรื่องราว และไม่ใช่เรื่องที่แต่งเพื่อให้เห็นตอนจบ แต่มีเรื่องตั้งแต่ตอนที่เราสร้างพวกเขาขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนคลอดเขาออกมา แล้วคิดว่าจะให้เป็นอย่างไรต่อไป”

ด็อกดูโก เริ่มจากสุนัข 20 สายพันธุ์ โดยเน้นอเมริกันและญี่ปุ่น ก็เพื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้ที่จะเน้นไปในตลาด อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น รวมถึงตลาดในไทย และยังคงพยายามคลอดสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้นในอนาคต

ทำไมเลือกทำสินค้าให้คนรักเจ้าสี่ขาได้ใช้ แต่ไม่เลือกทำสินค้าสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ นุศรา บอกแค่ว่า สินค้าที่ทำให้น้องหมาใช้ มีมากมายในตลาด และส่วนใหญ่ก็ทำได้ดีอยู่แล้ว พวกเธอจึงมองหาความต่าง โดยมุ่งสนองกลุ่มคนรักน้องหมา และปลุกสังคมที่เธอใช้คำว่า “แห้งแล้ง” ในทุกวันนี้ให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง

“คนในสังคมปัจจุบันค่อนข้างแห้ง ยิ่งในสังคมไทย ของที่ซื้อให้กันส่วนมากก็จะเป็นแบรนด์ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะ เพียงแต่บางทีในงบประมาณที่มีไม่มากนัก แต่อยากได้ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ก็ไม่ค่อยมีให้เลือกสักเท่าไร มันเลย ขาดความพิเศษไป ซึ่งด็อกดูโก จะเป็นทางเลือกให้ เป้าหมายของเราคือให้ลูกค้า..มีความสุข”

สินค้าภายใต้แบรนด์ “dogdogo” ขายกันตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันบาท อย่างกระเป๋าเก๋ๆ ก็แค่ใบละ 1,000-3,000 บาท เรียกว่าไม่เกินกำลัง โดยเฉพาะกับกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ ที่พร้อมควักกระเป๋าจ่าย ให้กับสิ่งที่พวกเขารักและหลงใหลได้ปลื้มอยู่แล้ว

กระแสคนรักจักรยานกลับมาบูมขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่หลงใหลในเจ้าสองล้อ แต่เทรนด์ “รักษ์โลก” ก็มีแต่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกวัน และนั่นก็คือโอกาสธุรกิจ ของคนที่มองเห็น

เช่นเดียวกับ “ภาณุรัฐ แสงเทียน” ดีไซเนอร์ เจ้าของแบรนด์ “Panurat Design” ที่เคยฝากผลงานนาฬิกาติดผนังที่ไม่ต้องเจาะผนัง จนได้รับรางวัลทั้งในและต่างประเทศมาแล้ว วันนี้เขามาพร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นกระเป๋าสำหรับใส่โน้ตบุ๊ค และแทบเล็ต ของคู่กายคนยุคใหม่ ที่สำคัญดีไซน์สำหรับขาปั่นสองล้อ ให้สามารถพกติดตัวไปกับจักรยานคู่ใจได้
“เริ่มแรกเราทำกระเป๋าใส่ไอแพด ใส่โน้ตบุ้ค โดยมีฟังก์ชันคือสามารถใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องเอาออกจากกระเป๋า จนปัจจุบันก็ดีไซน์เพิ่มเติม โดยมองโอกาสจากยุคนี้ ที่เริ่มเป็นยุคกรีน คนเริ่มหันมาใช้สินค้าที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จักรยานถูกพูดถึงกันเยอะขึ้น เริ่มมีการขอเลนจักรยาน มีกลุ่มคนที่ขี่จักรยาน ซึ่งผมมองว่านี่เป็นเทรนด์ในอนาคตที่คนจะหนีรถติดไปขี่จักรยานกันมากขึ้น”

เมื่อเห็นโอกาสก็ต้องคว้าโอกาส ที่มาของงานออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่เอาใจเหล่าคนรักจักรยาน และปลื้มในวิถีสีเขียวโดยเฉพาะ โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นผ้าธรรมชาติ ไม่ย้อมสี ใช้เทคโนโลยีในการเคลือบเนื้อผ้า เพื่อให้กันน้ำ เพิ่มความทนทาน ดีไซน์ให้เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ออกแบบมา “สวยๆ” เท่านั้น

โดยเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยตั้งแต่ 25-35 ปี ช่วงวัยที่ยังมีกิจกรรมกับสังคมอยู่มาก ยังไม่มีครอบครัว และขายกันในราคาหลักพันต้นๆ เท่านั้น

เข้าไปจับตลาดแฟนพันธุ์แท้จักรยานและคนรักษ์โลก เขายอมรับว่าไม่ได้มีอยู่มากนักในบ้านเรา โดยคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ ยังเป็นกลุ่มระดับบน และคนที่ชอบงานดีไซน์ ส่วนคนทั่วๆ ไป ยังคิดว่าเรื่องเหล่านี้ยังมาไม่ถึงตัวพวกเขา และยังให้ความสำคัญกับสินค้าที่ราคาเป็นหลัก

แต่แม้จะยาก เขาก็เชื่อว่ามีอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่ต้องตัดสินใจเข้ามาในตลาดนี้ ก่อนที่ใครต่อใครจะเข้ามาจนเต็มน่านน้ำในวันหน้า

ขณะที่ก็ต้องหาทางปิดจุดอ่อนตัวเองที่เป็นนักออกแบบ ให้มาเข้าใจการตลาดและธุรกิจมากขึ้น โดยลงเรียนมินิเอ็มบีเอเพิ่มเติม เวลาเดียวกับเข้าอบรมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อสกัดจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งในวันนี้

“ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี ยังล้มได้ครับ แต่ไม่ค่อยอยากล้มเท่าไร เลยต้องศึกษาให้เยอะๆ โดยดูจาก case study ของคนที่เคยล้มนี่แหล่ะ ว่าเขาโตขึ้นมาอย่างไร ก็เชื่อว่าถ้าเราศึกษาเขามากพอ เราก็จะไม่ต้องมาล้มเอง”

หลากมุมคิด หลากไอเดีย ของคนที่หยิบกระแสมาเป็นธุรกิจและหาหนทางให้ยั่งยืน เพื่อไม่ให้ธุรกิจต้องจบไปพร้อมกับกระแส
.................................

Key to success
โอกาสธุรกิจของแฟนพันธุ์แท้
๐ ผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าจ่ายในสิ่งที่ปลื้ม
๐ สร้างตลาดใหม่ ไม่เล่นในทะเลสีเลือด
๐ โอกาสไม่แค่ตลาดไทยแต่คือตลาดโลก
๐ สร้างความแตกต่างเป็นแต้มต่อในธุรกิจ
๐ เติมจุดอ่อนด้านการตลาด เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน