เปิดใจ ‘ณัฐ วงศ์พานิช’ ซีอีโอ แฟมิลี่มาร์ท

เปิดใจ ‘ณัฐ วงศ์พานิช’ 
ซีอีโอ แฟมิลี่มาร์ท

2 ทศวรรษ ของแฟมิลี่มาร์ท ในประเทศไทย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลายยุค ผลัดใบผู้บริหารมาแล้วหลายรุ่น

ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นที่วันนี้กลับมาโลดแล่นใต้ร่ม เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ซีอาร์ซี
ในวันที่เป็นเพียง “ผู้ชม” ทำเพียงแค่สังเกตการณ์ร้านสะดวกแบรนด์นี้อยู่รอบนอก ณัฐ วงศ์พานิช ยอมรับกว่า รู้จักแบรนด์นี้น้อยมาก และรับรู้แค่เป็นหนึ่งแบรนด์ร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการในประเทศไทย
เมื่อถึงวันต้องสลับบทบาทมาเป็น “ผู้เล่น” (ในสนาม) ภาพที่เห็นแฟมิลี่มาร์ท วันนี้จึงเต็มไปด้วยความเข้าใจที่มากกว่าเดิม
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แฟมิลี่มาร์ท ต้องเจอกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนทีมผู้บริหารอยู่บ่อยครั้ง การเดินธุรกิจที่ค่อนข้าง Conservative ในขณะที่ธุรกิจประเภทนี้ต้องใช้การขยายตัวที่รวดเร็ว เพราะจีพีไม่สูง จึงต้องใช้สาขาที่เยอะเพื่อครอบคลุมกับค่าขนส่ง” ณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด สะท้อนความเห็น และมุมมองส่วนตัว ก่อนจะหาบทสรุป หรือ แนวทางของ แฟมิลี่มาร์ท นับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่า ทุกย่างก้าวมีความ “ท้าทาย” ซ่อนอยู่ในนั้น
จากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้นำในธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากกับจำนวนสาขาที่มากถึง 8 พันสาขาทั่วประเทศ หากแต่การแข่งขันที่มีผู้นำแกร่ง เช่น เซเว่น-อีเลฟเว่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป
หลังประเมินแล้วว่าธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มร้านสะดวกซื้อยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก จากผู้เล่นรายหลักในตลาดที่ต่างก็เร่งเครื่องธุรกิจให้เติบโตทั้งเชิงสาขาและรายได้
สำหรับ แฟมิลี่มาร์ท ก็เช่นกัน โอกาสที่จะเติบโตมีแน่นอน แต่จะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่ง ณัฐ มองไว้ใน 3-4 เรื่องหลัก
แบรนด์ต้องเป็นที่รู้จักมากกว่านี้ ในเบื้องต้นทุกคนรู้จักแต่สิ่งที่ต้องเติมเข้าไปคือภาพลักษณ์ที่ทันสมัย
สินค้าในร้านต้องแตกต่าง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าและนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่หลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพร้อมทาน หรือ Ready-to-Eat ซึ่งจะช่วยดึงลูกค้าเข้าร้าน รวมถึงสินค้าคอลเล็คชั่นจากญี่ปุ่น ที่จะส่งให้บรรยากาศของร้านสะดวกซื้อแบรนด์นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่น และความทันสมัย
Synergy การผนึกกำลังของเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกในเครือซีอาร์ซี ทั้ง ระบบการเงิน ระบบบัญชี Merchandise รวมถึงระบบไอที ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกับ ท็อปส์ เข้ามาสนับสนุนให้หลังบ้านของ แฟมิลี่มาร์ท คล่องตัว และทันสมัยในเชิงบริหารจัดการ ซึ่งจะสอดรับกับโซลูชั่นการให้บริการของหน้าร้านที่เน้นคอนเซ็ปต์ S&QC ที่ว่าด้วยเรื่องของ Service ที่ดี การทำงานที่มีคุณภาพ และเน้นความสะอาดเป็นหัวใจ
“กำลังคน” ในประเด็นนี้ ณัฐ มองว่า ทีมงานของแฟมิลี่มาร์ท มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจนี้เป็นเวลานานอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องเติมเต็มก็คือ การกำหนดทิศทางธุรกิจที่ชัดเจนให้ได้ทราบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรก้าวเดินไปพร้อมกัน
ในส่วนของการขยายสาขา เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ณัฐ มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักกับการมองหาทำเลเพื่อเปิดสาขา แต่ก็ใช่ว่าจะยากจนเกินไป เพราะตลาดนี้ยังมีลู่ทางให้เติบโต และขยายสาขาได้อีกมาก ล่าสุดกับการเปิดโมเดลธุรกิจใหม่ในรูปของคีออส ก็เป็นอีกทางเลือกของการเติบโตทางธุรกิจที่ต้องทำไปพร้อมๆ กับการขยายแฟรนไชส์ให้มากกว่าเดิมด้วยเงื่อนไขที่ดี และยืดหยุ่นสำหรับผู้ลงทุน
“เราไม่ได้มองว่าแข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง การจะไปให้ถึงเป้าหมาย แน่นอนว่า Speed เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับแฟมิลี่มาร์ทในเวลานี้”
Speed หรือ ความเร็วของการขยายตัวทางธุรกิจของแฟมิลี่มาร์ท นับจากนี้ ณัฐ เปรียบได้กับการวิ่งแข่งระยะสั้น 100 เมตร ที่ต้องอาศัย เบสิคพื้นฐาน ความคล่องตัว ทักษะ และ สปีดที่เหนือชั้น
กับวาระฉลองสาขา 888 ในเดือนกรกฎาคมนี้ (จากเครือข่ายสาขาที่มีอยู่เดิมคือ 746 สาขาทั่วประเทศ ด้วยยอดขายรวมกว่า 10,000.ล้านบาท) จะเป็นสถิติแรกๆ ที่ปรากฏให้เห็น หลังซีอาร์ซี เข้ามาบริหารธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมๆ กับการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 21 ปีของการดำเนินธุรกิจในไทย
เมื่อทุนพร้อม ระบบพร้อม การกำหนดทิศทางธุรกิจไว้ชัดกับเป้าหมาย 1,500 สาขาภายใน 5 ปี และ 3,000 สาขาในอีก 10 ปี
นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ ณัฐ ต้องพา แฟมิลี่มาร์ท ก้าวไปสู่สถิติที่ท้าทายกว่าเดิมมาก
“จากนี้คงต้องเดินหน้าลูกเดียว อย่าคิดแข่งกับใคร ให้แข่งกับตัวเอง” ณัฐ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า จะชนะ หรือไม่ ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน