หุ้นรับเหมาพุ่งรับผลประมูลน้ำ

หุ้นรับเหมาพุ่งรับผลประมูลน้ำ

หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างพุ่งยกแผง รับข่าวเปิดซองประมูลโครงการน้ำ 3 .5 แสนล้าน "อิตาเลียนไทย"ขึ้นแรง 4.58% วอลุ่มทะลัก

วานนี้ (10 มิ.ย.) ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทั้งใหญ่รายเล็ก ปรับขึ้นยกแผง หลังรัฐประกาศผู้ชนะประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท โดย หุ้นบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม กิจการร่วมค้าไอทีดี ที่ชนะ 5 โมดูล ราคาปิดที่ 8 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ 4.58% มีมูลค่าการซื้อขาย 2.53 พันล้านบาทสูงสุดของตลาด

ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท ล็อกซ์เลย์ (LOXLEY) ปิดที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 3.68% บริษัท ช.การช่าง (CK) ปิดที่ 24.9 บาท ปรับขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.05% บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ปิดที่ 23.8 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 6.25%

อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มรับเหมาที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) ปิดที่ 9.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.85 บาท หรือ 9.34% รองลงมาคือ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (TPOLY) ปิดที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท หรือ 7.73%

บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ว่า การผลักดันโครงการน้ำให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมสร้างบรรยากาศ เชิงบวกต่อภาคก่อสร้าง โดยคณะกรรมการบริหารและจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้สรุปผลการตัดสินรอบสุดท้าย(พิจารณาซองเทคนิค) และซองราคาประมูล มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท (รวม 9 แผน หรือโมดูล)

ปรากฏว่า มีผู้ชนะ 3 ราย คือ 1.กิจการร่วมค้า ไอทีดี พาวเวอร์ ไซน่า เจวี ได้ 5 โมดูล มูลค่ารวม 2.15 แสนล้านบาท คิดเป็น 61.4% ของมูลค่างานทั้งหมด 2. เค-วอเตอร์ จากเกาหลี ชนะ 3 โมดูล มูลค่างาน 7.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 20.6% ของมูลค่างานทั้งหมด และ 3.กลุ่มบริษัทล๊อกซเลย์ ชนะ 1 โมดูล มูลค่างาน 6.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของมูลค่างานทั้งหมด

แต่เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับจัดเตรียมพื้นที่ การใช้ที่ดิน และประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำ การจัดทำพื้นที่ปิดล้อมชุมชน และเศรษฐกิจหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา การปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และ การป้องกันการกัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำในพื้นที่แม่น้ำยม น่าน และเจ้าพระยา ซึ่งจะกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ในวงกว้าง จึงทำให้ผู้รับเหมาเข้าข่ายที่จะต้องการทำการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และ ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ (เอชไอเอ)

นอกจาก บริษัท อิตาเลียนไทย ฯจะเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาไม่กี่รายของไทย ที่จะได้รับชัยชนะในการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มเดินหน้าในการประมูลประมาณปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งถือเป็นการบรรยากาศเชิงบวกต่อบริษัท

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของอิตาเลียนไทย ยังคงอยู่ที่ฐานเงินกองทุนน้อย ทำให้หนี้สินสุทธิ กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน (net gearing)สูงถึง3.1 เท่า และเป็นเหตุผลให้อิตาเลียนไทยเตรียมหาทางเพิ่มเงินทุนในการรับงานก่อสร้าง ด้วยการจะขายสินทรัพย์บางส่วน เช่น เหมืองโปแตซ พร้อมเจรจาขอรับเงินคืนจากรัฐบาลพม่า 5 พันล้านบาท จากการลงทุนโครงการทวาย

ด้านบล.เกียรตินาคิน วิเคราะห์ว่า งานในมือของอิตาเลียนไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท เป็นงานในประเทศประมาณ 1 แสนล้านบาท และงานจากต่างประเทศมูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท โดยมีงานระหว่างการต่อรอง Lowest Bid 4 หมื่นล้านบาท และงานที่อยู่ระหว่างประมูล 8.4 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานในประเทศพม่า

โดยนอกจากงานวางระบบน้ำที่บริษัทมีโอกาสได้รับงานสูง ยังมีงานอื่นๆที่คาดเห็นความคืบหน้าในช่วงปลายปี จากงานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ สายสีชมพู และสายสีเหลือง ซึ่งจะสะสมงานในมือและรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในระยะยาว

ทั้งนี้ นำแนะลงทุนซื้อเก็งกำไร จากประเด็นบวก 2 กรณี คือ 1.ความคืบหน้าของโครงการบำบัดน้ำ 2. ความต่อเนื่องของโครงการทวาย ซึ่งความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เป็นปัจจัยบวกต่ออิตาเลียนไทยในระยะสั้น

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง วิเคราะห์ว่า โครงการบริหารจัดการน้ำ 3 แสนล้านบาท ซึ่งกิจการร่วมค้าไอทีดี มีแนวโน้มชนะ 5 โมดูล เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวางถึงประเด็นความเสี่ยง เพราะบริษัทเอกชนที่ชนะแต่ละโมดูลค้องบริหารจัดการเองหมด ตั้งแต่การทำประชาพิจารณ์ อีไอเอ และเอชไอเอ การเวนคืนที่ดิน ทำให้มีความเสี่ยงที่งบประมาณจะบานปลาย และสร้างไม่เสร็จตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ 5 ปี