'ทัวร์อั้งยี่' คืออะไร ส่อกระทบท่องเที่ยวไทย รุนแรงกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ?

'ทัวร์อั้งยี่' คืออะไร  ส่อกระทบท่องเที่ยวไทย รุนแรงกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ?

ทำความรู้จักกับ 'ทัวร์อั้งยี่' ธุรกิจทัวร์จีนรูปแบบใหม่ ว่าทำไมถึงน่ากังวลยิ่งกว่า 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' ท่ามกลางประเด็นร้อน 'ทุนจีน' พาเหรดมาลงทุนในไทย ทั้งสนใจซื้ออสังหาฯ รวมถึงลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเนื้อหอม มี 'นักท่องเที่ยวจีน' รับบทพระเอกของการฟื้นตัวในปี 66

ความน่ากังวลใหม่มาเยือนภาคท่องเที่ยวไทยในยุคหลังโควิด-19 เมื่อ “ทัวร์อั้งยี่” ลักษณะทัวร์จีนรูปแบบใหม่ปรากฏ! มีแนวโน้มส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งกว่าปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ

หลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ (แบบปุบปับทันด่วน) มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 ก่อนจะผ่อนคลายมาตรการเดินทางอย่างต่อเนื่อง อนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศ ท่องเที่ยวในรูปแบบ “กรุ๊ปทัวร์” ได้ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2566 โดยมีชื่อของประเทศไทย ติดลำดับที่ 1 ใน 20 ประเทศกลุ่มนำร่อง สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างจีนกับไทย

แน่นอนว่าดีมานด์การท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานานตลอด 3 ปีนับตั้งแต่จีนล็อกดาวน์ ชาวจีนพร้อมแล้วสำหรับ “เที่ยวล้างแค้น” จับจ่ายในต่างแดน และ “ประเทศไทย” คือจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในใจนักท่องเที่ยวแดนมังกร จากทุกการสำรวจของบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำต่างๆ

พยากรณ์ได้ไม่ยากว่าเม็ดเงินจะไหลมาทางไหน

เพราะหากย้อนไปเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ประเทศจีนส่งออกนักท่องเที่ยวมาไทยมากถึง 11 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้กว่า 5.3 แสนล้านบาท ครองสัดส่วนราว 27% มากเป็นอันดับ 1 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยทั้งหมดเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้เฉียด 2 ล้านล้านบาท

ประกอบกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของวิกฤติโควิด-19 มีชาวจีนจำนวนมากอาศัยในประเทศไทย ได้เริ่มต้นทำธุรกิจแบบปักหลักสร้างรากฐาน บริหารงานโดยคนจีน โดยเฉพาะการเปิดร้านอาหาร และภัตตาคาร จนมีคอนเน็คชันในมือ

เมื่อจีนเปิดประเทศ อนุญาตให้ชาวจีนออกเที่ยวต่างประเทศแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ ทำให้มีบริษัทค้าส่งทัวร์ขนาดใหญ่ (Wholesale) ในประเทศจีน ร่วมมือกับกลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจในไทย จัดเตรียมโปรดักต์แพ็คเกจทัวร์แบบผูกขาดโดยชาวจีน 100% ไม่มีบริษัททัวร์ของคนไทยมาข้องเกี่ยว บริษัททัวร์ของชาวจีนที่เคยทำทัวร์ศูนย์เหรียญมาก่อน ตอนนี้ได้ปรับบทบาทมาเป็นเอเยนต์ให้แก่บริษัทค้าส่งทัวร์รายใหญ่ โดยมีการเสนอขายแพ็คเกจทัวร์ใน “ราคาถูก” เสียจนบริษัททัวร์ไทยยกธงขาวสู้ไม่ไหว แข่งต่อไม่ได้

ไม่มีช่องให้เงินไหลตกถึงมือคนไทยแม้แต่แดงเดียว!

ผูกขาดไม่พอ...ยังผิดกฎหมายของไทยด้วย โดยรายงานข่าวระบุว่า มีการจัดส่งไกด์ชาวจีนเข้าประเทศไทยล็อตแรก 70 คนเพื่อมาทำหน้าที่ไกด์แทนคนไทย ทั้งที่ตามกฎหมายระบุชัดว่า ไกด์ เป็น “อาชีพสงวน” ของคนไทย ชาวต่างชาติทำแทนไม่ได้

ร้อนถึงภาครัฐต้องรีบออกมาจัดการอย่างเร่งด่วน จัดระเบียบขันน๊อตให้เข้าที่เข้าทาง

ตามรายงานข่าวระบุด้วยว่า ทาง “บิ๊กโจ๊ก” หรือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้รับหน้าที่ปราบปราบขบวนการ “จีนเทา” ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว

ด้านความเคลื่อนไหวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยวได้เปิดลงทะเบียนบริษัทนำเที่ยวที่ทำธุรกิจคู่ค้ากับจีนถึงวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา มีบริษัทนำเที่ยวลงทะเบียนแล้วประมาณ 100 บริษัทเท่านั้น จาก 10,000 บริษัท

โดยได้ประสานความร่วมมือกับกงสุลไทยในจีน หากพบว่าบริษัทที่ไม่อยู่ในรายชื่อบริษัทนำเที่ยวที่ทำธุรกิจคู่ค้ากับจีน สถานทูตจีนจะตรวจประวัติย้อนหลังอย่างเข้มข้น เช่น มาพักที่ไหน และราคาทัวร์เท่าไร ในส่วนของราคาแพ็คเกจทัวร์ หากพบความผิดปกติ เช่น “ราคาต่ำกว่าทุน” ก็จะส่งข้อมูลกลับไทยพิจารณาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน หากคู่ค้าเป็นคนไทยถูกต้อง ไม่ใช่นอมินี จึงจะออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนที่มากับบริษัททัวร์นั้นๆ ได้

“จากการหารือกับสถานทูตจีนในประเทศไทย ถ้าบริษัทจีนทำความเสียหายกับไทย เช่น ทิ้งทัวร์ ใช้ไกด์จีน และใช้ไกด์นอมินี ให้ส่งผู้กระทำผิดให้เขาด้วย รัฐบาลจีนจะใช้กฎหมายเขาจะลงโทษฝั่งจีนด้วย เนื่องจากคนเหล่านี้ไม่ได้กลัวกฎหมายไทย แต่กลัวกฎหมายจีนมากกว่า ดังนั้นหากไทยจับได้ว่ากระทำความผิดในไทย ก็จะส่งให้ทางการจีนลงโทษ เพราะกฎหมายบ้านเขาโทษหนักกว่าบ้านเรา

คงต้องติดตามกันต่อว่าหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างฝั่งไทยและจีน จะสามารถควบคุม สกัด "ทัวร์อั้งยี่" อยู่หมัดหรือไม่ เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวของคนไทย ได้ส่วนแบ่งจากเม็ดเงินตลาดทัวร์จีนอย่างเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น หลังจากต้องทนทุกข์วิกฤติโรคระบาดยาวนานถึง 3 ปี!