BTS ยันประมูลสายสีส้มปม ‘ฟื้นฝอย’ สายสีเขียว

ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ BTSC คีรี กาญจนพาสน์ ระบุจากกรณีมีข่าวว่าคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบและความผิดฮั้วประมูล

ทั้งนี้ คดีที่อยู่กับ ป.ป.ช.ส่วนตัวนั้นไม่ทราบเรื่อง เพราะ ป.ป.ช.ไม่เคยแจ้งหรือเรียกไปให้ข้อมูล จนกระทั่งในช่วงที่บีทีเอสแสดงตัวต่อสู้กับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ไม่ถูกต้อง วันนี้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ฝ่ายกฎหมายอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้าย ต้องเรียนว่ายังไม่ทราบเลยว่าบีทีเอสไปร่วมกระทำความผิดอย่างไร และมีพยานหลักฐานใดที่ยืนยันว่าบีทีเอสไปทำความผิด

อยากให้ทุกท่านเห็นภาพการต่อสู้และผลการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องของผม ผมดำเนินธุรกิจในไทยมาหลายสิบปี ผมเป็นนักธุรกิจ ป็นนักลงทุน ซึ่งกำไรที่ได้รับมา ผมไม่ได้เอาเปรียบประเทศ ผมตอบแทนคืนสู่ประเทศและสังคม ผมประมูลต่อสู้ด้วยตัวเลขที่แฟร์ๆ ไม่มีการฮั้วกับใคร เรื่องนี้มีขบวนการที่ต้องการให้บีทีเอสได้รับความเสียหายถึงขนาดให้ล้มละลาย ผมกล้าพูดว่ามันเริ่มมาจากที่ไปประมูลสายสีส้ม เกิดการเปลี่ยนทีโออาร์กลางอากาศ หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเริ่มแย้งมาตลอด เรื่องการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ม.44 ในการต่อสัมปทาน แต่วันนี้ผมต้องการแค่เอาเงินมา วันนี้หนี้ท่วมไป 5 หมื่นล้านบาทแล้ว

ทั้งนี้ แม้ว่าบีทีเอสจะถูกกลั่นแกล้งอย่างไร แต่ขอให้ประชาชนและผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นว่าบีทีเอสยังเข้มแข็ง กระแสเงินสดมีเพียงพอ และจะไม่หยุดเดินรถเพื่อให้กระทบกับการบริการประชาชน รวมทั้งสิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้บีทีเอสอ่อนแอ แต่หากสักวันมีปัญหาเกิดขึ้น ถึงวันนั้นผู้ว่ากรุงเทพมหานครและรัฐบาลคงต้องรับผิดชอบ เพราะบีทีเอสยืนยันแล้วว่าจะไม่หยุดเดินรถ และไม่มีบริษัทไหนในโลกที่รัฐบาลติดหนี้ถึง 5 หมื่นล้านบาท แต่บริษัทยังทำงานต่อแม้ต้องกู้เงินก็ล้มไม่ได้ เพราะผู้ถือหุ้นเข้าใจ ทุกครั้งที่ยื่นขอกู้ก็อนุมัติด้วยความเชื่อมั่นใจ

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ สุรพงษ์ เลาหะอัญญา ระบุ ปัจจุบันภาระหนี้สินคงค้างจากสัญญาจ้างเดินรถ ณ สิ้นเดือน ก.พ.2566 มีรวม 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และช่วงที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) 27,000 ล้านบาท  2.ค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้า/เครื่องกล 22,800 ล้านบาท 

ขณะนี้ข้อพิพาทที่บีทีเอสยื่นฟ้องเรียกเก็บหนี้สินดังกล่าวศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วว่าเป็นหนี้ที่ถูกต้อง และ กทม.ต้องชำระร่วมกับบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด 

นอกจากนี้ ยืนยันว่าสถานะทางการเงินยังเข้มแข็งแม้จะไม่ได้รับรายได้จากการรับจ้างเดินรถ แต่ปี 2566 จะมีรายได้จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่จะทยอยเปิดบริการเดือน มิ.ย.นี้ โดยจะมีรายได้จากค่าโดยสารและเชิงพาณิชย์รถไฟฟ้า 2 โครงการรวมปีละ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นหากเปิดให้บริการกลางปีนี้ จะสร้างรายได้รวม 1,000 ล้านบาท อีกทั้งจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐส่วนของงานโยธา 4,700 ล้านบาท โดยรัฐมีกำหนดจ่ายให้เป็นระยะเวลา 10 ปี