"ออนิกซ์" ปั้นรายได้โรงแรมหมื่นล้าน ชูเทลเลอร์เมด เร่งปักหมุดผนึกพันธมิตร

"ออนิกซ์" ปั้นรายได้โรงแรมหมื่นล้าน  ชูเทลเลอร์เมด เร่งปักหมุดผนึกพันธมิตร

“ตลาดเมืองไทยเล็กเกินไป!” หากไม่ขยายแบรนด์โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ไปเกิดในต่างประเทศ มีแต่จะวนอยู่กับที่ ไม่ไปไหน! เพราะตลาดโรงแรมในไทยนั้นช่างอ่อนไหว โดยเฉพาะด้านราคา ทั้งยังไม่มีการควบคุมซัพพลายโรงแรมจนล้นตลาด

ทั้งหมดนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” ออกไปเติบโตนอกบ้านเกิด ในฐานะ “รีจินอลแบรนด์” (Regional Brand) รุกขยายพอร์ตโฟลิโอในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง มาเลเซีย และมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สามารถทำราคาห้องพักได้ พร้อมมอบนิยามใหม่แก่องค์กร สู่การเป็น “บริษัทรับบริหารโรงแรมขนาดกลางที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (The Best Medium-Sized Hotel Management Company in South East Asia)

ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้ประกอบการธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ มี 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ อมารี โอโซ่ และชามา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “อิตัลไทย” ปัจจุบันครองสัดส่วนรายได้ 50% ของรายได้ทั้งหมดในเครืออิตัลไทย ฉายภาพว่า กลยุทธ์สำคัญของ “ออนิกซ์” คือการโฟกัสตลาดใน “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซึ่งกำลังร้อนแรงมากที่สุดในโลก! เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนจำนวนมากในยุคหลังโควิด-19 บริษัทต้องไม่หลุดโฟกัสจุดนี้

อย่าง “มาเลเซีย” เป็นพื้นที่ใหม่และสำคัญมากสำหรับออนิกซ์ มองว่าหากได้ตลาดมาเลเซีย ก็เหมือนได้ตลาดสิงคโปร์ไปในตัว เพราะมีกระแสการเดินทางหลั่งไหลเข้ามาดีมากจากทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติ ออนิกซ์จึงมีแผนเปิดดำเนินงานให้ครบทั้ง 3 แบรนด์หลัก ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจและท่องเที่ยวของมาเลเซียภายในปีนี้

ออนิกซ์มุ่งสร้าง “การเติบโตอย่างมีคุณภาพ” (Quality Growth) จากปัจจุบันมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์รวม 44 แห่ง ใน 7 ประเทศ ครอบคลุมทั้งในไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และ สปป.ลาว โดยเป็นเจ้าของเอง 18% จาก 15 แห่ง ส่วนอีก 82% เป็นการรับบริหาร

ตามแผนงานในอีก 2 ปีข้างหน้า ออนิกซ์จะเปิดให้บริการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เพิ่มอีก 11 แห่ง โดยรับบริหารทั้งหมด มี 1 แห่งที่สวมหมวกทั้งร่วมทุนกับนักลงทุนอินเดียพร้อมรับบริหาร นั่นคือ “อมารี ราญา มัลดีฟ์” โรงแรมแห่งใหม่ในมัลดีฟส์ ภายใต้เงินลงทุนรวม 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีออนิกซ์เข้าถือหุ้น 3-5%

\"ออนิกซ์\" ปั้นรายได้โรงแรมหมื่นล้าน  ชูเทลเลอร์เมด เร่งปักหมุดผนึกพันธมิตร

“ส่วนโครงการลงทุนโรงแรมใหม่ๆ ที่เครือออนิกซ์เป็นเจ้าของเอง จำเป็นต้องชะลอออกไปก่อน ต้องรออีกสัก 2-3 ปีให้ทุกอย่างนิ่ง ทำให้ในช่วงนี้ออนิกซ์เน้นรายได้จากการรับบริหารระยะยาวมากกว่า เพราะยังไม่อยากสร้างภาระเพิ่ม หลังจากในช่วง 3 ปีของวิกฤติโควิด-19 ทำให้ทุกคนต้องหยุดลงทุน แต่จริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นนักลงทุนเจ้าของโรงแรมอยากใส่เงินเพิ่ม ด้วยการปรับปรุงหรือรีแบรนด์เพื่อให้โปรดักต์ดูใหม่ขึ้นและสามารถแข่งขันได้”

ในมุม “การสร้างพันธมิตรระยะยาว” (Quality Partnership) ออนิกซ์ต้องการเป็นผู้เล่นในตลาดที่อยู่ระดับ  Top of Mind” มีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย พร้อมปรับเปลี่ยนได้แบบ Tailor Made” ตามโจทย์ของคู่ค้านักลงทุนที่มองหาความร่วมมือกับแบรนด์ที่แข็งแรง ส่งเสริมศักยภาพทางธุรกิจแก่กัน ปัจจุบันออนิกซ์ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, กลุ่ม SP SEITA นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในมาเลเซีย, JR Kyushu จากญี่ปุ่น, Tai Hung Fai จากฮ่องกง และ Panchshil จากอินเดีย

“ออนิกซ์จะมีพอร์ตธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เพิ่มเป็น 55 แห่งในอีก 2 ปีข้างหน้า สามารถทำรายได้ถึงระดับ 10,000 ล้านบาทเมื่อเปิดให้บริการเต็มที่ โดยตามธรรมชาติของโรงแรมใหม่ ก็เหมือนรองเท้าคู่ใหม่ที่เมื่อสวมใส่แล้ว มีเจ็บบ้าง เพราะกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เดินได้สบาย ก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีกว่าจะมีรายได้มั่นคง”

ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมของออนิกซ์ในปี 2566 อยู่ที่ 8,800 ล้านบาท เติบโต 60% เมื่อเทียบกับปี 2565 และดีกว่าปี 2562 ซึ่งทำรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยจะเป็นรายได้จากแบรนด์อมารี 62.84% แบรนด์ชามา 16.62% แบรนด์โอโซ่ 12.06% และแบรนด์อื่นๆ ในเครือออนิกซ์อีก 8.48%

หลังปี 2566 สามารถปรับ “ราคาห้องพัก” ขึ้นมาเฉลี่ย 25-30% เมื่อเทียบกับปี 2565 เป้าหมายคือสูงกว่าปี 2562 ถือว่าปรับได้อย่าง “ดุดัน” กระนั้นเหตุผลหลักของการปรับราคาเพิ่ม หาใช่เพราะดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัย “เงินเฟ้อ” เข้ามากดดัน ทั้งต้นทุนสินค้าบริการ ราคาพลังงาน และดอกเบี้ยขาขึ้น! ทำให้คนมีหนี้ต้องขยันหาเงินเพิ่ม ให้ครอบคลุมต้นทุนที่ผ่านการรีดไขมันมาแล้ว

“ตอนนี้ต้นทุนวิ่งเร็วกว่ารายได้ ทำให้ทุกคนในตอนนี้ต้องวิ่งหาเงินให้ได้มากที่สุด เราเองก็ต้องสวมรองเท้า Nike Zoom วิ่งกันหน่อย” ยุทธชัยเปรียบเทียบให้เห็นภาพ “ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาระดับกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของแบรนด์อมารีซึ่งอยู่ที่ระดับ 40% แบรนด์โอโซ่ 45-50% และแบรนด์ชามา 60-70% นี่คือระดับกำไรขั้นต้นที่เราต้องขึงไว้”

\"ออนิกซ์\" ปั้นรายได้โรงแรมหมื่นล้าน  ชูเทลเลอร์เมด เร่งปักหมุดผนึกพันธมิตร \"ออนิกซ์\" ปั้นรายได้โรงแรมหมื่นล้าน  ชูเทลเลอร์เมด เร่งปักหมุดผนึกพันธมิตร