กรมการค้าภายใน กางหมุดหมายเที่ยว”ตลาดต้องชม” ช่วงเทศกาลปีใหม่

กรมการค้าภายใน กางหมุดหมายเที่ยว”ตลาดต้องชม” ช่วงเทศกาลปีใหม่

กรมการค้าภายใน ชวนเที่ยวปีใหม่ ชิม ช้อป อาหารผลิตภัณฑ์ สินค้าฝีมือคนไทย เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านโครงการ”ตลาดต้องชม”

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม  อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์   เปิดเผยว่า  ”ตลาดต้องชม”เป็นตลาดที่มีทั้ง”เอกลักษณ์พาณิชย์”และ”อัตลักษณ์ชุมชน” เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์ชุมชนเด่น สินค้าพื้นเมืองเด่น มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย จำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม เป็นแหล่งรวม ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีพื้นบ้าน  ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นอายท้องถิ่นที่ชัดเจนบ่งบอกถึงที่มาของชุมชนนั้น ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ได้เคยสัมภาษณ์ถึง “ตลาดไหนต้องชม”ว่า  เป็นตลาดท่องเที่ยวให้กับชาวไทยและต่างชาติ สร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนไทยทั้งประเทศในเรื่องของเศรษฐกิจฐานราก” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์

ตลาดต้องชม” จึงเป็นนโยบายส่งเสริมการตลาดในประเทศที่สำคัญของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการขับเคลื่อนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจระดับฐานราก จากจุดเริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2559 จนถึงวันนี้มีการขยายจำนวนตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมีอยู่ในทุกมุมเมือง ทุกจังหวัดทั่วไทย จำนวนมากถึง 238 แห่งที่เป็นหมุดหมายสำคัญรองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปไปสัมผัส

กรมการค้าภายในคัดเลือกมา 180 แห่งที่มีศักยภาพ จาก238 แห่ง จัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 2565 ถึงวันที่ 8 ม.ค. 2566 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วที่ที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว พร้อมกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมากมาย ได้แก่ ภาคเหนือ  41   แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  44   แห่ง ภาคกลาง   61   แห่ง ภาคใต้   28   แห่งและกรุงเทพฯ   6    แห่ง

กรมการค้าภายใน กางหมุดหมายเที่ยว”ตลาดต้องชม” ช่วงเทศกาลปีใหม่

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า เริ่มต้นด้วยตลาดในเมืองหลวง กรุงเทพมหานครสำหรับผู้คนที่ไม่ชอบเดินทางไกล  มีตลาดต้องชมให้เดินเที่ยว 6 แห่งน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดพลู ถิ่นขนมช่ายเจ้าดัง,ตลาดคลองบางหลวง,ตลาดนางเลิ้ง, ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน, ตลาดคลองลัดมะยมและตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนท์  โดยแต่ละตลาดจะมีไฮไลท์สำคัญและมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ขยับจากกรุงเทพฯออกมาหน่อยจะเป็นตลาดต้องชมใกล้กรุง ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดแถบปริมณฑล อาทิ ตลาดน้ำไทรน้อย จ.นนทบุรี  ตลาดน้ำลำพญา จ.นครปฐม ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการหรือ ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์  จ.สมุทรสาคร

ส่วนใครเดินทางไกลกลับบ้านหรือท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ไม่ว่าจะแอ่วเหนือ ล่องใต้หรือท่องอีสานผ่านจังหวัดต่าง ๆ ยังมีตลาดต้องชมให้แวะชิม ชม ช้อป ไว้ตลอดเส้นทาง โดยเส้นทางสู่ภาคเหนือ อาทิ   ”ตลาดวัดหลวงปู่ทวด”จ.พระนครศรีอยุธยา แวะ ไหว้สักการะรูปปั้นหลวงปู่ทวดเพื่อเป็นสิริมงคล 

”ตลาดศาลเจ้าโรงทอง” อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ”ตลาดชุมชนบ้านพิกุลทองสู่”จ.สิงห์บุรี มีของดีผลิตภัณฑ์ปลาช่อนแม่ลาและสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อ ตลาดท่าเรือคลองคาง จ.นครสวรรค์แวะพักรับประทานอาหารที่ตลาดแห่งนี้มีอาหารและขนมอร่อยหลายอย่าง เช่น ขนมครกไส้แตก หมึกย่างท่าเรือ ไอศกรีมโอ่ง ฯลฯ

ตามด้วยตลาดเก่าวังกรด” ตลาดสดริมแม่น้ำน่าน  จ.พิจิตร เป็นชุมชนสำคัญทางประวัติศาสตร์ ภายในมีนิทรรศการและการจัดแสดงของใช้โบราณเพื่อสะท้อนความเป็นมาของตลาดและวิถีชุมชนแห่งนี้ และตลาด 120 ปีวิถีชาววัง” เมืองสองแควจ.พิษณุโลก แหล่งสินค้าโอท็อปแปรรูปจากกล้วยและขนมเปี๊ยะรสเลิศ

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า ขึ้นสู่ภาคเหนือก็มีหลายตลาดที่ควรแวะช็อป  ชิม เริ่มจาก จ.แพร่”กาดเมกฮิม”คือ เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในชมุชนริมน้ำบริเวณรอบคูเมืองมีกำแพงเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปีและเป็นที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปน้ำออกเศียร ซึ่งมีเพียง 3 รูปในประเทศไทย ก่อนเดินทางสู่เมืองน่านสัมผัสวิถีคนน่านผ่าน”กาดข่วงเมืองน่าน”บริเวณถนนคนเดินวัดภูมินทร์ เป็นตลาดที่มีกลิ่นอายล้านนา มีสินค้าเด่น เช่น ผ้าทอลายโบราณและเครื่องเงิน ลงจากดอยเมืองน่านผ่านมาทางเชียงใหม่แวะ”ตลาดจริงใจ” อาหารปลอดภัยในตัวเมือง เน้นพืชผักอินทรีย์ผลิตจากยอดดอยสู่ผู้บริโภคคนเมือง

จากเหนือมาสู่อีสานใครผ่านจ.ขอนแก่นต้องไม่พลาด”ตลาดริมทางไก่ย่างเขาสวนกลาง” เมนูดังแห่งเมืองแก่นนคร  ส่วนใครนิยมชมชอบผ้าทอมือต้องไม่พลาด”ตลาดผ้าบ้านนาข่า” แหล่งรวมผ้าทอมือหลากหลายของจ.อุดรธานีแล้วมาปักหมุดที่”ตลาดถนนคนเดินวีถีคนเชียงคาน” จ.เลย ว่ากันว่ามาเชียงคานทั้งทีต้องพักค้างคืนบ้านไม้เก่าริมโขงชีวิตจะได้ฟิน ตามด้วยตลาดคนเดินเซราะกราว” จ.บุรีรัมย์ แหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านเด่นของจังหวัด 

แต่ถ้าใครชอบผ้าไหมต้นตำรับต้องมาที่”ตลาดผ้าไหมบ้านท่าสว่าง” จ.สุรินทร์ หมู่บ้านเก่าแก่และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านโอท็อป(OTOP)เพื่อการท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศ ตลาดถนนคนเดินเขมราษฎร์ธานี จ.อุบลราชธานี เดินลัดเลาะริมโขงที่ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนริมฝั่งโขง แล้วมากราบสักการะพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นศรัทธาเลื่อมใสของคนสองฝั่งโขง 

สำหรับภาคใต้ มีตลาดต้องชมหลายตลาดที่ต้องแวะ อาทิ ตลาดพ่อตาหินช้าง” จ.ชุมพร แหล่งแปรูปผลิตภัณฑ์กล้วยเล็บมือนางขึ้นชื่อติดไม้ติดมือกลับบ้าน จ.พังงาจะต้องแวะ”ถนนวัฒนธรรมตลาดเก่าตะกั่วป่า” แหล่งผลิตแร่ดีบุกยุครุ่งเรืองในอดีต ยังคงหลงเหลือบ้านพักอาศัยสไตล์ชิโนโปรตุเกสให้ได้เห็น และวัฒนธรรมการแต่งกายของลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนในแบบฉบับของชาวเมืองตะกั่วป่า จ.ภูเก็ตที่”ถนนคนเดินหลาดใหญ่”ตลาดนัดสุดเก๋ย่านตลาดเก่าภูเก็ต ชมพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว โรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของจ.ภูเก็ต ลงมาทางกระบี่ ตรัง ผ่านมายังพัทลุงห้ามพลาด”ตลาดใต้โหนด”ตลาดที่มีอัตลักษณ์ด้านชุมชนสีเขียว สินค้าสีเขียว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างจะต้องผลิตจากธรรมชาติ  ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ขายจะไม่มีถุงพลาสติกไว้บริการ ลูกค้าจะต้องนำถุงผ้าหรือภาชนะใส่สินค้าไปเอง

นอกจากนี้”ตลาดน้ำคลองแห” จ.สงขลา ตลาดน้ำชื่อดังที่จำลองวิถีดั้งเดิมการทำมาค้าขายทางน้ำของชาวบ้านคลองแหในอดีต มีขนมพื้นเมืองและอาหารปักษ์ใต้หลากหลายไว้บริการ ด้วยภาชนะใส่อาหารด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ปัจจุบันเป็นตลาดน้ำเชิงวัฒนธรรมของชาวเมืองสงขลา

ขณะที่ตลาดต้องชมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้สุดปลายด้ามขวานที่จ.ยะลา”ตลาดนัดชุมชนบ้านคลองทรายใน”ริมถนนสาย418 ยะลา-ปัตตานี ทางผ่านเสมือนจุดพักรถที่มีหลักกิโลเมตรใหญ่ที่สุดของจังหวัดตั้งเด่นเป็นสง่า มีผลิตภัณฑ์เด่นเป็นที่รู้จักในนาม”ไก่กอและ”และสุดท้ายปลายทางที่”ตลาดยะกัง ขนม100ปี” จ.นราธิวาส กับตำนานความอร่อยขนมโบราณที่ขอบอกคำเดียวว่าเด็ด เต็มไปด้วยขนมพื้นบ้านสูตรโบราณหายากมากมาย อาทิ ขนมบาตาบูโระ ขนมปูตูฮาลือบอ ขนมจูโจ ขนมเจ๊ะแมะ นาซิดาแฆ นาซิกายอ เป็นต้น