“มิตรผล” แนะใช้โมเดล BCG ฝ่าโลกรวน สตาร์ทอัพร่วมขุด “เพชรในตม” ภาคเกษตร
ประเทศไทยกำลังถูกดิสรัปทุกมิติ! ต้องเร่งปูพื้นเสริมแกร่งคนรุ่นใหม่เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะ "สตาร์ทอัพไทย" ร่วมวงเสิร์ฟบริการ-นวัตกรรม เพิ่มผลิตภาพสู้คู่แข่งทั่วโลก
พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า ขณะนี้้ประเทศไทยถูกดิสรัปในทุกมิติที่มีความซับซ้อนมากขึ้น! การเร่งแสวงหาทางออกจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปูพื้นฐานให้เจเนอเรชั่นยุคต่อไปมีโอกาสได้เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในโลกที่มีข้อเรียกร้อง (Requirement) ต่างๆ มากขึ้น
“เมื่อโลกกำลังเผชิญความท้าทายกับวิกฤติซ้ำซ้อนและใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกรวน วิกฤติพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ ขาดแคลนอาหาร และสังคมเหลื่อมล้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างมาก ดังนั้น การปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ และความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาเป็นเป้าหมายสำคัญ คือการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม”
โดยส่งเสริมให้ภาคการผลิต การค้า การลงทุนให้มีความเข้มแข็ง และสามารถกระจายโอกาสสู่ภูมิภาคซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้น การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area-based development) เป็นเป้าหมายที่สำคัญในการกระจายความเจริญ โดยเฉพาะใน "ภาคอีสาน" ที่มีศักยภาพในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ รวมทั้งเป็นแหล่งแรงงาน และการค้าชายแดนที่สำคัญ
หนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอีสาน คือการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีหมุนเวียน และเทคโนโลยีเขียว (BCG) เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน อย่างไรก็ตาม การประสานสามความร่วมมือทุกภาคส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จะเป็นพลังร่วมที่จะขับเคลื่อนอีสานให้หลุดพ้นจากความยากจนและก้าวสู่ความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยควรเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านบริการส่งเสริมภาคเกษตร เช่น บริการโดรน พ่นปุ๋ย สารอาหาร และอื่นๆ บริการ IoT (Internet of Things) ช่วยตรวจสอบคุณภาพของดินน้ำลมไฟให้สามารถปลูกพืชได้ดีขึ้น เป็นต้น เพราะคำว่า Smart Agriculture (การเกษตรแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และ Precision Farming (การเกษตรแม่นยำสูง) เป็นเหมือน "เพชรในตม" สามารถช่วยยกระดับภาคเกษตรของไทยให้มีผลิตภาพ (Productivity) มากขึ้นได้ ควบคู่กับการนำโมเดล BCG มาใช้ ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญความเปลี่ยนแปลงและผันผวนรอบด้านจากปัจจัยต่างๆ เช่น การแบ่งค่ายของโลก การต่อสู้ทางเศรษฐกิจ การทหาร และเทคโนโลยี รวมถึงภาวะโลกร้อน
กวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ (KKIC) กล่าวเสริมว่า การนำโมเดล BCG มาประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย เนื่องจากมีพื้นฐานด้านการเกษตรและอาหารเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทาง KKIC จึงร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 50 ราย จัดงาน Isan BCG Expo 2022 งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานและครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายพลังความร่วมมือการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ครั้งแรกในภาคอีสาน ทางรอดเดียวที่ช่วยแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่
พร้อมผลักดันและสร้างให้ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน จากศักยภาพและความพร้อมของภาคอีสานที่เหมาะสมในการพัฒนาเทคโนโลยี และสังคมสีเขียวตามโมเดล BCG เนื่องจากมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากร และความพร้อมของแรงงาน รวมถึงเป็นพื้นที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และจีนตอนใต้ผ่าน ASEAN Highway และรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาใน "ขอนแก่น" จังหวัดศูนย์กลาง ประตูสู่ภาคอีสาน ที่เป็นเมืองแห่งการศึกษา เป็นศูนย์รวมโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุดในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง
สำหรับงาน Isan BCG Expo 2022 ภายใต้แนวคิด Collaboration “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” จัดขึ้นวันที่ 9-12 ธ.ค.2565 ณ Khon Kaen Innovation Center จังหวัดขอนแก่น และบริเวณโดยรอบ อาทิ ย่านศรีจันทร์ เทศบาลเมืองนครขอนแก่น และถนนไก่ย่าง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 62,500 ตร.ม. จัดแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมผลักดันโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาภาคอีสานสู่ศูนย์กลางขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคผ่านโซนต่างๆ อาทิ Creative, Innovative และ Green