จับตาประชุม”ทูตพาณิชย์”เคาะแผนส่งออกครึ่งปีหลัง

จับตาประชุม”ทูตพาณิชย์”เคาะแผนส่งออกครึ่งปีหลัง

“จุรินทร์”นัดทูตพาณิชย์ ประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565 หวังดันส่งออกไทยไม่สะดุด ท่ามกลางปัจจัยภายนอกรุมเร้า

วันที่ 15 ส.ค.65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นัดประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหรือทูตพาณิชย์  58 แห่ง 43 ประเทศทั่วโลก  เพื่อสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565  ผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19   โดยปกติการประชุมทูตพาณิชย์จะเป็นการจัดประชุมแบบซึ่งหน้า ที่ทูตพาณิชย์จะเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อร่วมประชุมแต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด แม้ว่าจะคลี่คลายแล้วก็ตาม แต่บางประเทศก็ยังมีมาตรการควบคุมโควิดในการผ่าน-เข้าออกประเทศ จึงไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมประชุม

การประชุมทูตพาณิชย์ถือเป็นภารกิจประจำปี ซึ่งจะมีการประชุมปีละ 2 ครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกของไทยในแต่ประเทศที่มีทูตพาณิชย์ประจำอยู่ พร้อมทั้งสรุปแผนงานหรือกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของไทย เพื่อผลักดันตัวเลขการส่งออก โดยภาพรวมในปีนี้ถือว่าการส่งออกของไทยยังไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีสถานการณ์ต่างๆที่ยังเป็นปัจจัยลบที่ต้องติดตามไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังที่สถาบันทางเศรษฐกิจของโลกประเมินว่า จะเข้าสู่สภาวะถดถอย ปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก สงครามรัสเซียและยูเครน ล่าสุดความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวัน หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตเยือนไต้หวัน

จับตาประชุม”ทูตพาณิชย์”เคาะแผนส่งออกครึ่งปีหลัง

ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ต้องจับตาว่าจะกระทบต่อการส่งออกของไทยหรือไม่ ซึ่งทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำในประเทศต่างทั่วโลกก็จะมีข้อมูลเชิงลึกของตลาดคู่ค้าสำคัญของไทยมานำเสนอในที่ประชุม พร้อมคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกในแต่ละตลาดว่าจะขยายตัวเพิ่มหรือลดลง โดยเฉพาะตลาดสำคัญของไทย 3 ตลาดใหญ่ คือ สหรัฐ สหภาพยุโรป และจีน 

อย่างไรก็ตามจากการประเมินเบื้องต้นของอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ “นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์” มองว่า  แนวโน้มการส่งออกยังดีอยู่ โดยกรมมีการประเมินสถานการณ์การส่งออกกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าเกษครและอาหารที่มีแนวโน้มส่งออกดีต่อเนื่องจากความต้องการอาหารโลก 

สอดคล้องกับความเห็นของ”ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ที่เห็นว่า  การส่งออกไทยยังมีสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และมั่นใจว่า  ปีนี้นี้อย่างน้อยการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 6-8% แน่นอนจากเดิมที่คาดไว้ที่ 5% โดย ดูจากการส่งออกในครึ่งปีแรกส่งออกรวมมูลค่า 149,184.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.7%

ถึงแม้ว่าจะมองว่าส่งออกไทยอยู่ในกระเป๋าแล้ว 5-8 % แต่การส่งออกของไทยก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงคือ  สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าจะมีสัญญาณการชะลอตัวลง ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนก.ค.ปรับตัว อยู่ที่ 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวของปีก่อน และลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี เมื่อเดือนมิ.ย.ที่พุ่งไปสูงถึง 9.1% รวมทั้งยังต้องดูเรื่องของราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ

และสถานการณ์ล่าสุด ปัญหาความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จีนประกาศไม่ส่งวัตถุดิบที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และชิปให้กับไต้หวัน ซึ่งไต้หวันถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของโลกที่มีส่วนแบ่งในตลาดเซมิคอนดักเตอร์และชิปกว่า 60% โดยอาจซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนชิป แน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และลามไปยังอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ต้องนำเข้าชิปเพื่อมาผลิตสินค้า ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการส่งออกไทยในกลุ่มสินค้าเหล่านี้ลดลงไปด้วย

การประชุมทูตพาณิชย์  ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ จะมีความชัดเจนทั้งเรื่องของตัวเลขส่งออกของไทยในครึ่งปีหลัง เจาะไปตามตลาดสำคัญของไทย โดยเฉพาะแผนส่งเสริมการส่งออกโดยเฉพาะแผนบุก"ตลาดเมืองรอง"ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ว่าจะมีเมืองไหน ประเทศอะไร คงต้องติดตามกัน