ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน ตราบใด SET ไม่หลุด 1,577-1,585 จุด

ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน ตราบใด SET ไม่หลุด 1,577-1,585 จุด

ความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศเป็นบวกกับไทย บรรยากาศลงทุนระยะสั้นปรับดีขึ้นหลังไม่เกิดความรุนแรงจากการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยการตอบโต้ทางจีนมีเพียงระงับนำเข้า-ส่งออกสินค้าไต้หวัน 2 พันรายการ

อย่างไรก็ตามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk) กลับมาเป็นที่พิจารณา ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการโยกย้ายหรือกระจายฐานการผลิตออกจากจีน ประกอบกับการเปิดประเทศ และ PMI ภาคการผลิต ก.ค. ของไทย (52.4 vs มิ.ย.50.7) ที่ดีกว่าภูมิภาค ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นบวกกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ของไทย 

 

กลุ่มการเงิน คาดกำไรไตรมาส 2/65 โต + 3% QoQ, + 9% YoY จากสินเชื่อที่เติบโตโดดเด่น แม้ credit cost จะเพิ่มขึ้น 37bp จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก NPL และการตั้งสำรองที่สูงขึ้น ทั้งนี้ดัชนีกลุ่มการเงินปรับลดลงจากจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ กว่า 15% ขณะที่หุ้นหลายตัวลดลงมากกว่านั้น ซึ่งน่าจะตอบรับความกังวลที่มากเกินไปในระยะสั้นแล้ว และเรามองเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ ทางพื้นฐานเลือก MTC (ซื้อ, TP 62) และ TIDLOR (ซื้อ, TP 46) เป็นหุ้นเด่น // สำหรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ มอง SAWAD (ถือ, TP58) และ AMANAH (Not rated) ที่ราคาลดลงมากที่สุดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา 35-40% ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการเก็งกำไร
 

GUNKUL แลกกำไรระยะสั้นกับการเติบโตระยะยาว ราคาหุ้น GUNKUL ปรับลดลง 5.90% หลังรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเพิ่มทุนเข้าสู่ JV โดยการใช้โรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 170MW ซึ่งจะทำให้การรับรู้กำไรที่ลดลงอาจกระทบต่อกำไรสุทธิรวมได้ อย่างไรก็แม้ระยะสั้นตลาดอาจกังวล แต่เรามองการปรับลดลงเป็นโอกาสลงทุนที่ดี เนื่องจาก 1) เป็นการแลกกำไรระยะสั้นกับการเติบโตระยะยาว ในระดับมากกว่า 1,000MW โดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน 2) ดอกเบี้ยจ่ายและระดับหนี้สิน (D/E) ที่คาดว่าจะลดลงเป็นบวกกับต้นทุนการระดมทุนในอนาคต 3) กำไรของโรงไฟฟ้าที่หายไปในในปี 66-67 อาจถูกชดเชยได้ด้วยรายได้จากงานก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้น หลังเข้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับเครือ GULF 4) ผลของการนำโรงไฟฟ้าเข้า JV จะทำให้คุณสมบัติในการเข้าประมูลงานในอนาคตของ JV ดีขึ้น และในทางการเงิน/บัญชี คาดจะมีการรับรู้กำไรพิเศษในช่วงไตรมาส 3/65 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค JMT, HANA, PTL, PR9, TEAM, OTO, ICHI
 

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: มองบวกตราบใดไม่หลุด 1,577-1,585 จุด โดยแนวโน้มส.ค.มีโอกาสขยับกรอบไปถึง 1,630-1,650 จุด ภาพใหญ่เน้นเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) ขณะที่เก็งกำไรระยะสั้น มองหุ้นใหญ่ที่อาจได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้ารอบใหม่ อาทิ ธนาคาร การเงิน มีความน่าสนใจ สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม ช่วงสั้นข่าว BABA อยู่ในรายชื่อที่อาจถูกถอดถอนจากสหรัฐฯ กดดันบรรยากาศลงทุน  //หุ้นแนะนำ:  SPA*, WHA*, AMANAH*, OR* 

แนวรับ: 1,585 / แนวต้าน : 1,600-1,605 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

โอเปคพลัสมีมติเพิ่มการผลิตเพียง 100,000 บาร์เรล/วันในก.ย. – ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.และส.ค. ขณะที่เดือนมิ.ย.มีการเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วัน

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ - สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล

กกร.คงคาดการณ์ GDP - คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการ GDP ปี 2565 ซึ่งจะขยายตัวได้ในกรอบ 2.75%-3.5% เพิ่มคาดการณ์ส่งออกเป็น 6%-8% (จากเป้าเดิมขยายตัว 5%-7%) และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 5.5%-7% (จากเป้าเดิมขยายตัว 5%-7%)

กรมธนารักษ์เตรียมร้องศาลฯ สั่งให้เอกชนรายเดิมจ่ายค่าเช่าท่ออัตราใหม่ที่ 20% - จากเดิม 7% ของรายได้ ระหว่างรอศาลฯตัดสิน กังวลรัฐสูญรายได้หากยืดเยื้อต่อไป พร้อมลุ้นบริษัทวงษ์สยามฯร้องศาลฯ ขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีเซ็นสัญญาท่อน้ำอีอีซี เนื่องจากเป็นการวินิจฉัยฝ่ายเดียวจาก EASTW  

บอร์ด กสทช. พิจารณาผลศึกษาควบรวม TRUE-DTAC – สั่ง กสทช. วิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม 6 ประเด็น ทั่งโครงสร้างการรวมธุรกิจใหม่ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด การถือครองคลื่นความถี่ การลดอัตราค่าบริการ คาดประชุม 10 ส.ค. มีมติ

TQM – เข้าซื้อหุ้นนอกธุรกิจประกัน โดยเข้าซื้อหุ้น 40% ใน Builk มูลค่า 267 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบธุรกิจ
ตลท.ให้ PLUS ใช้เกณฑ์ Cash Balance – ตั้งแต่ 4-24 ส.ค.65

 

ประเด็นติดตาม: 4 ส.ค. – US Initial Jobless Claims / 5 ส.ค. – TH CPI, US Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate / 10 ส.ค. – ประชุม กนง, US CPI / 11 ส.ค. – US PPI, OPEC Monthly Report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)