วิกฤติพลังงานยุโรป ตัวเร่งราคาหุ้น BANPU

วิกฤติพลังงานยุโรป  ตัวเร่งราคาหุ้น BANPU

เทียบอากาศหนาวซีกตะวันตกมีผลทำให้อีกซีกโลกหนึ่งอย่างไทยได้รับสัมผัสไปด้วย เพราะวิกฤติพลังงานขาดแคลนในฝั่งชาติตะวันตกยังไม่ได้ลดลง แต่อยู่ระหว่างชะลอตัวด้วยอากาศที่ร้อนขึ้นและฤดูหนาวที่จะมาถึงคือ ฝันดีสำหรับหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ก็ว่าได้

        สถานการณ์ราคาพลังงานพุ่งสูงเกิดขึ้นให้เห็นไปแล้วทั้งราคาน้ำมัน ราคาถ่านหิน และราคาก๊าซ  จนเป็นที่มาของเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวย่อลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตของฝั่งโอเปก และการเร่งระบายสต็อกของสหรัฐแต่ไม่ใช่สำหรับราคาถ่านหิน และราคาก๊าซ

         เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2565 ราคาก๊าซ (Natural Gas) อยู่ที่ 8.23 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู  ส่วนราคาถ่านหินใน 3  ตลาดใหญ่ของโลกเกาะราคาสูงเหนียวแน่น เริ่มจาก Newcastle อยู่ที่ 405.50  ตันต่อดอลลาร์  , Rotterdam 327.64  ตันต่อดอลลาร์  และ Richard Bay 372 ตันต่อดอลลาร์ 

          ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกผลักดันจากปริมาณก๊าซในยุโรปที่ลดลงหลังรัสเซียเจ้าของ “ก๊าซพรอม” ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซขนาดใหญ่ Nord Stem 1  ไปยังเยอรมนี หยุดซ่อมบำรุง และกลับมาเปิดส่งก๊าซอีกครั้ง 21 ก.ค. แต่ปลายก.ค. ทางรัสเซียรายงานจำเป็นต้องลดปริมาณการส่งก๊าซไปยังเยอรมนีเพียง 1 ใน 5 ของกำลังการจัดส่งเพราะต้องส่งท่อสูบไปซ่อมบำรุงที่แคนาดา   

            กดดันทำให้กลุ่มยุโรป หรือ EU ต้องประชุมฉุกเฉินทันทีเพราะหวั่นวิตกในช่วงหน้าหนาวเจอผลกระทบใหญ่  เพราะความสามารถส่งก๊าซ 167 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันของท่อ Nord Stem 1  จะเหลือเพียง 33 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน  จึงทำให้ EU ตกลงที่จะลดความต้องการใช้ก๊าซลง 15% โดยสมัครใจตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 ถึงมี.ค.2566 ซึ่งยุโรปมองว่าเป็นการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน

            ความสำคัญของท่อ Nord Steam 1  เป็นการสร้างเพื่อขายก๊าซให้กับกลุ่มยุโรปโดยเฉพาะ เพราะเป็นท่อใต้ทะเลบอลติกไปเยอรมนี และป้อนก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศยุโรปตะวันตกมีความยาว 1,224 กิโลเมตร และยังมีโครงการ Nord Stream 2 เตรียมเปิดใช้งานแต่หยุดชะงักไปจากช่วงรัสเซียบุกยูเครน

 

            ภาวะการขาดแคลนก๊าซของกลุ่มยุโรปจึงหนักหนาถึงขนาดยอมกลับมาใช้พลังงานฟอสซิลอย่างถ่านหินอีกครั้ง   รวมไปถึงการให้ประชาชนตัดไม้ทำฟืนเพื่อใช้ในหน้าหนาวอีกด้วย  จึงทำให้ธุรกิจถ่านหินต้นน้ำกลับมาน่าสนใจตามไปด้วย  

            เจ้าของธุรกิจดังกล่าว BANPU ถือว่ามีความคาดหวังด้านผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 ค่อนข้างมากหลังไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำกำไรไปถึง  10,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 568 % มาพร้อมกับราคาตลาดถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติทำนิวไฮ 

            ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2565 มีการคาดการณ์ตัวเลขกำไรออกมาแล้วยังแรงได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยราคาถ่านหิน และก๊าซยังไม่แผ่วลงเหมือนราคาน้ำมัน  ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส มองกำไรในระดับสูงที่ 11,400 ล้านบาท (+11% q-q, +760 % yy) เมื่อหักผลขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยน  คาดว่ากำไรปกติจะกระโดดเพิ่มเป็น 15,900 ล้านบาท (+69% q-q, +447% y-y)

            โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญอยู่ที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่สูงขึ้น, ผลขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงที่ลดลง, และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น พร้อมกำไรสุทธิที่ดีขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าโดยส่วนมากจะมาจากโรงไฟฟ้าหงสา (HPC) ด้วยราคาที่ปรับขึ้น y-y และปริมาณขายก๊าซ และถ่านหินที่สูงขึ้น คิดว่ากำไรปกติรายไตรมาสของ BANPU จะโตอย่างเห็นได้ชัดใน ไตรมาส 2 - 4 ปี 2565

            ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองตัวเลขไว้ที่ 7,700 ล้านบาท ลดลง 25% (QoQ) เนื่องจากขาดทุนป้องกันความเสี่ยงสูงขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาถ่านหิน - ก๊าซธรรมชาติ และมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับดีล XTO Energy ราว 20 ล้านดอลลาร์ เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565  ที่มีกำไรจากการจำหน่ายหุ้น Sunseap 5.9  พันล้านบาท 

            เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 2564 กำไรสุทธิจะขยายตัว 482% (YoY) หากนับเฉพาะกำไรปกติคาดเติบโตโดดเด่นเป็น 14,000 ล้านบาท (+61% QoQ, +493% YoY)  หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2565  จะคิดเป็น 58% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 31,000 ล้านบาท (+217% YoY) ระดับสูงสุดใหม่

            ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดยังแข็งแกร่ง หนุนด้วย ราคาถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติที่จะมีความต้องการใช้จากยุโรปเพื่อทดแทนภาวะขาดแคลนก๊าซ จากความขัดแย้งกับรัสเซีย และจะมีความต้องการจากจีนเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์