มะรุมระตุ้ม BANK | ออฟเรคคอร์ด
วุ่นตามข่าวหุ้นแบงก์กันจ้าละหวันตลอดทั้งวัน หลังมีกระแสข่าวแบงก์ชาติเตรียมแถลงเกี่ยวกับดอกเบี้ยจนสุดท้ายกลายเป็น ปลดล็อกแบงกืกลับมาจ่ายปันผลได้
๐๐๐ มะรุมระตุ้ม BANK
“หุ้นแบงก์” ทำเอาระทึกกันทั้งตลาดหุ้นว่าจะควร “ซื้อ” หรือควร “ขาย” ดี เพราะมีแต่ข่าวที่ เซอร์ไพรส์ ตลอดทั้งวัน
ตั้งแต่ แบงก์ชาติ เตรียมแถลงข่าวใหญ่ทำเอาวุ่นเพราะกระแสแรงถึงขั้นเตรียมประกาศ ขึ้นดอกเบี้ย เร็วกว่าคาด หรือ ไม่ก็ออกมาแตะเรื่องนโยบายดอกเบี้ยให้เห็นสัญญาณบ้าง
สุดท้ายข่าวจริงไปลงที่ “ปลดแอท” ให้นายแบงก์กลับมา จ่ายเงินปันผล ตามอัตราปกติปี 2566 พร้อมให้ส่งเงินเข้ากองทุน FIDF เหมือนเดิมที่ 0.42 % ต่อปี
ออกหน้ามาแบบนี้หุ้นแบงก์เป็นได้กระดี้กระด๊ากรับข่าวแต่ปรากฎหุ้นที่ราคาขึ้นลำบากกลับเจอปัญหาระดับชาติ “แอฟล่ม” ในวันสิ้นเดือน ของค่าย BBL ทำเอาหุ้นร่วงทันตาเห็นเพราะเจอเสียงบ่นเสียงว่า
ส่วน SCB หนักหน่อย เรื่องที่คาราคาซัง ดีลซื้อ “บิทคับ” ไม่คืบว่าจะ ชักเข้า หรือ ชักออก ดีในการเสนอบอร์ดทำเอาราคาหุ้นขึ้นไปสุดลงไม่ลึก
กลายเป็นวันวุ่นๆ ของหุ้นแบงก์ก็ว่าได้ ...
๐๐๐
ปัจจัยในประเทศมีผลต่อตลาดหุ้นไทยหลังจากดัชนีเปิดตลาดสามารถยืนในแดนบวก และพลิกกลับเป็นขาลงจนมาอยู่ในแดนลบหลัง ธปท. มีประกาศแถลงด่วนในช่วงเย็น “มาตรการทางการเงินภายใต้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” จึงทำให้เกิดความกังวลมีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยโยบายเร็วกว่าคาด
ดัชนีปิดอยู่ที่ 1,568.33 จุด ปรับตัวลดลง 17.85 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.13 % มูลค่าการซื้อขาย 71,905.23 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,591.23 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ 1,564.82 จุด
๐๐๐
หลังจากธปท. มีการแถลงอย่างเป็นทางการเป็นการพิจาณามาตรการโควิดซึ่งข่าวบวกต่อหุ้นแบงก์เพราะไม่จำกัดการปันผล และอีกด้านให้แบงก์กลับจ่ายเงินเข้ากองทุน FIDF ตามปกติปี 2566
๐๐๐
เดินหน้าเต็มตัวสำหรับแบรนด์ อาร์เอส-ยูไลฟ์ หรือ‘ยูไลฟ์’ ธุรกิจขายตรงยุคใหม่ในเครือ RS หลังจากทุ่มเงินซื้อธุรกิจขายตรงของยูนิลีเวอร์มาแล้ว เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและครัวเรือน ภายใต้แบรนด์แฮปปี้ โฮมมี่ (HappieHomie) เจาะกลุ่มตลาดแม่บ้านพ่อบ้านและยังเป้าสร้างยอดขายให้กับยูไลฟ์มากกว่า40ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังของปี65
๐๐๐
เปิดทางกับพันธมิตรกลุ่มโรงพยาบาลด้วยกันเอง ด้วยการให้ RAM เข้ามาถือหุ้นใน EKH ได้ ล่าสุด อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ไม่เกิน 40 ล้านหุ้นราคาหุ้นละ 7.20 บาท ออกมาเรียบร้อย ให้กับ RAM จำนวน 35 ล้านหุ้น และ นายแพทย์รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา จำนวน 5 ล้านหุ้น
หลังผนึกกำลังกันแล้วที่จะเห็นประสิทธิภาพดีขึ้นการจัดหาทรัพยากรทางการแพทย์ อาทิ ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนสูงในอุตสาหกรรม ส่วนทาง EKH เตรียมเปิดให้บริการโรงพยาบาลคูน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ โดยในไตรมาส 3/2565 เพื่อรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 70-80 ล้านบาทต่อปี
๐๐๐
หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลต้องหาพันธมิตร-จับมือกันจะอยู่โดดเดียวในอดีตไม่ได้แล้ว ถ้าจะเป็นรายเดียวก็ต้องใหญ่จริง กลุ่ม BDMS ที่ถือหุ้นในธุรกิจฌรงพยาบาลจำนวนมากแถมฐานการเงินเริ่มกลับมาฟื้นตัวทั้งโรคประจำฤดูกาลกลับมา และฐานลูกค้าต่างชาติ
อาศัยในจังหวะนี้ประกาศทำ เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หุ้น SVH ที่ถือหุ้นอยู่แล้ว ในอัตราหุ้นละ 480 บาท รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งแทบจะไม่กระทบการเงินเพราะมีเงินสดในมืออยู่แล้วระดับหมื่นล้านบาท ส่วนราคาหุ้น SVH พุ่งตามระเบียบมาปิดที่ราคา 474.00บาทเพิ่มขึ้น 12.86% เพราหลังจากนี้นำหุ้นออกจาดตลาดหลักทรัพย์และสามารถรับรู้รายได้ได้เต็ม 100 % กลายเป็นผลบวกต่อ BDMS ราคาหุ้นมาปิด 25.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง