‘สุพัฒนพงษ์’ กางโรดแมปดันฐานผลิต EV สร้างความมั่นคงพลังงาน – เศรษฐกิจไทย

‘สุพัฒนพงษ์’ กางโรดแมปดันฐานผลิต EV  สร้างความมั่นคงพลังงาน – เศรษฐกิจไทย

"สุพัฒนพงษ์" กางโรดแมปสร้างฐานการผลิตรถ EV ปักหมุดผลิตรถเพิ่มอีก 7.25 แสนคัน ภายในปี 2030 ดึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องสร้าง ECosystem ดันสร้างพลังงานสะอาดเพิ่มเติมทั้งลม และแสงอาทิตย์เพื่อสร้างพลังงานสะอาดในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “มาตรการ EV ขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าแห่งเอเชีย” ในงานเสวนา "EV Forum 2022 Move Forward to New Opportunity" จัดโดย"กรุงเทพธุรกิจ" และ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่ารัฐบาลเดินหน้าในเรื่องการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา เราเคยเป็นศูนย์กลางรถยนต์เปรียบเสมือนดีทรอยต์แห่งเอเชีย แต่วันนี้เราต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเอเชียให้ได้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท

นอกจากนี้การผลิตรถยนต์ EV ยังเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนนโยบายการเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย ที่กำหนดเป้าหมายไว้ในปี 2050 ขณะที่ในปัจจุบันประเทศ ถือว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคขนส่งสูงที่สุดคือ ประมาณ 350 ล้านตัน

หากในภาคการขนส่งยังมีการปล่อยคาร์บอนสูงก็จะกระทบกับเป้าหมายการลดคาร์บอน และจะกระทบกับการกีดกันทางการค้าหลายแสนล้านบาทต่อปี  ต้นทุนเหล่านี้ถ้าไม่แก้ไขจะเป็นต้นทุนแฝงในภาคอุตสาหกรรมการส่งออกไทย

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันแพงในปัจจุบันทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ EV มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้รถมีการตัดสินใจรวดเร็วขึ้นในการซื้อรถ EV ซึ่งดีมานด์ของรถ EV ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นมากเห็นจากงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมามีคำสั่งซื้อถึงประมาณ 1.2 หมื่นคัน ซึ่งตัวเลขนี้ในประเทญี่ปุ่นต้องขายทั้งปีถึงจะได้เท่านี้สะท้อนให้เห็นการตื่นตัวของผู้บริโภคในประเทศไทย

“รถ EV เปรียบเทียบแล้วใช้พลังงานน้อย และมีค่าใช้จ่ายแค่ไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร ซึ่งเหมาะสมมากในช่วงที่มีน้ำมันแพง เชื่อว่าเมื่อราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความสนใจมากขึ้น และใน 8 ปีข้างหน้า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะอยู่ที่  7.25 แสนคัน ตามแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในประเทศภายในปี 2030 ซึ่งจะเป็นทั้งการสร้างความมั่นคง และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เขากล่าวด้วยว่า การส่งเสริมการผลิตรถ EV ในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศน์ของรถ EV และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการสร้างงานจำนวนมาก โดยรัฐบาลจะเร่งเชิญชวนให้มีการลงทุนอื่นๆในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น เซลล์เชื้อเพลิง สถานีประจุไฟฟ้า  และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีการต่อเนื่องในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นการกักเก็บคาร์บอน โดยประโยชน์ในประเทศไทย ช่วยให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่ต้องใช้พลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนมากขึ้นด้วย

โดยใน 10 ปีจากนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ของไทยจะเป็นพลังงานสะอาดจากโซลาร์ และพลังงานลมโดยขณะนี้พลังงานเหล่านี้มีต้นทุนการผลิตที่ถูกลงเรื่อยๆ จะทำเกิดเสถียรภาพทางพลังงานของประเทศไทย ลดปัญหาการนำเข้าเชื้อเพลิงในการผลิตฟ้า และช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาพรวม

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์