ATP30 กำไรปี 65 มีแนวโน้มสูงสุดใหม่ได้อีก

ผลการดำเนินงาน 1Q65 ทำระดับสูงสุดใหม่: งวด 1Q65 มีรายได้จากการให้บริการ 153 ล้านบาท +39%YoY +9%QoQ เนื่องจากเริ่มให้บริการรับส่งพนักงานลูกค้าใหม่กลุ่มบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) ที่จังหวัดระยองและชลบุรี จำนวนรถโดยสาร 46 คัน
โดยมีกำไรสุทธิทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 13.2 ล้านบาท +35%YoY +41%QoQ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.2% ปรับดีขึ้น QoQ สู่ 20.2% จากการบริหารจัดการต้นทุนค่าบริการได้ดี แต่ลดลง YoY จากระดับ 24.5% ใน 1Q64 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ 8.6% ปรับดีขึ้นจาก 6.7% ในงวด 4Q64 และใกล้เคียงกับงวด 1Q64 ที่ 8.9% กำไร 1Q65 คิดเป็น 26% ของประมาณการทั้งปี 65 ที่ 52 ล้านบาท
- คาดกำไร 2Q65 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบ QoQ และ YoY : การมีพันธมิตรใหม่ TTTH เข้ามาถือหุ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. 64 ช่วยสร้าง synergy ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่องถึงปีนี้ จำนวนลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกไตรมาสช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการโตต่อเนื่องทุกไตรมาสเช่นกัน ในช่วง 2Q65 จะเป็นช่วงเวลาที่รับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในกลุ่ม GPSC เต็มไตรมาส ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานงวด 2Q65 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ทั้งนี้ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมีไม่มากเนื่องจาก 80% ของสัญญาคิดค่าบริการแปรผันตามราคาน้ำมัน และอีก 20% ส่วนที่เหลือสามารถปรับเพิ่มค่าบริการได้กว่าครึ่ง
- คาดปี 65 มีกำไรต่อเนื่องเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ : ผลประกอบการในปี 65 ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกค้าเดิมมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนรถบริการตามมาตรการ social distancing การขยายพื้นที่บริการสู่จังหวัดสระบุรี อยุธยา และปราจีนบุรี การบริหารต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีในการบริการและควบคุมการเดินรถ การนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาให้บริการ เดินหน้าตามกลยุทธ์มุ่งสู่ผู้นำด้าน Smart Mobility ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานในอนาคต ฝ่ายวิจัยคาดรายได้ จากการให้บริการในปี 65 ราว 597 ล้านบาทเติบโต 21% บนสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 23% ซึ่งปรับดีขึ้นจากระดับ 20.5% ในปี 64 และ %SG&A เทียบกับรายได้ที่ 11% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 10% ในปี 64 ส่งผลให้คาดการณ์กำไรอยู่ที่ราว 52 ล้านบาทเติบโต 56%YoY โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 3 ปี (2563-2565) ราว 34% ต่อปี
- คงคำแนะนำ“ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 2.65 บาท : ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ในการประเมินราคาเหมาะสมซึ่งอิง Prospect PER ที่ระดับ 35 เท่า (ค่าเฉลี่ย 3 ปี) โดยประมาณกำไรต่อหุ้นในปี 65 ได้เท่ากับ 0.076 บาท คำนวณราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 2.65 บาทสำหรับปี 65 ซึ่งยังมีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุด จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง :
1 ลูกค้าเก่าไม่ต่อสัญญาใช้บริการ
2. บริษัทจัดหารถให้บริการไม่ทันตามกำหนดเวลา
3. หากรัฐปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลจะทำให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มสูงขึ้น
4.จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงทำให้บริการใหม่รับส่งนักท่องเที่ยวเติบโตต่ำกว่าแผน







