โบรกชี้หุ้นรีบาวด์ระยะสั้น 1 เดือนข้างหน้า ลุ้นแตะ 1,650 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย วานนี้(17 พ.ค.)  ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปิดตลาดที่ 1,614.49 จุด  เพิ่มขึ้น 30.11 จุด หรือคิดเป็น 1.90% มีมูลค่าซื้อขาย 85,222.10  ล้านบาท เหตุ ตอบรับข่าวลบไปมากแล้ว   ด้านนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,204.89 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันซื้อสุทธิรวม 119,508.88  ล้านบาท   ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,668.99 ล้านบาท 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงวานนี้  เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดรับข่าวปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งผลกระทบรัสเซียยูเครน และยังรอผลประชุมเฟดรอบหน้าในช่วงกลางเดือน มิ.ย. คาดไม่น่าส่งสัญญาณแย่ไปกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงปลอดภัย  

รวมถึงยังมีปัจจัยหนุน จากจีนเตรียมเข้าสู่การคลายล็อกดาวน์ ทำให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวในระยะข้างหน้า และผ่านแรงกดดันจากการประกาศผลประกอบการไปแล้ว ขณะที่การประกาศงบไตรมาสถัดไปยังอีก 1.5 -2 เดือนข้างหน้า

 ดังนั้น แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมองว่า ในช่วง1 เดือนข้างหน้า คาดนักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไร เป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุน ให้แนวรับ 1,580 จุด และ แนวต้าน 1,640 จุด แต่ยังไม่ได้มีปัจจัยบวกหรือลบชัดเจน รอติดตามผลประชุมเฟดกลางเดือนมิ.ย. และการประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2565

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงระยะสั้น  แนะหุ้นเด่นรับธีมบาทอ่อน หนุนส่งออก และกลุ่มเกษตรอาหารที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ ปรับเพิ่มของราคาขายอย่างกลุ่มอาหารและเกษตร ที่ราคายังขึ้นมาน้อยและเริ่มน่าสนใจ รวมถึงหุ้นปลอดภัย รองรับการปรับตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวได้ เช่น HANA, KCE, CPF, ADVANC ,OR 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)  กล่าวว่า  ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยลบใหม่ เข้ามากดดันไปมากกว่าเดิม อย่างน้อยช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค.น่าจะเห็นโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวกต่อได้  

สำหรับในช่วงครึ่งแรกของเดือนมิ.ย.ตลาดอาจผันผวนได้ ตลาดอาจแตะเบรกลงมาก่อนการประชุมเฟดรอบหน้า หากผ่านแนวต้านที่ 1,630 จุดได้ ก็จะไปสู่แนวต้านถัดไปที่ 1,650 จุด  ให้แนวรับที่ 1,580-1,590 จุด    

"ภาพตลาดหุ้นไทย ครึ่งหลังของเดือนพ.ค.จนถึงต้นครึ่งแรกของดือนมิ.ย.หรือระยะ 1 เดือนข้างหน้า เป็นการปรับขึ้นชั่วคราว จากแรงเก็งกำไรระยะสั้น ที่แนวรับก่อนหน้าในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค.ดัชนีฯถูกกดดันเยอะจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย ลดคิวอี สงครามรัสเซีย-ยูเครนและล็อกดาวน์ในจีน" 

ดังนั้นแนะนำลงทุนในหุ้น 3 กลุ่มหลัก ได้แก้ 1 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะสินเชื่อโต จากจีดีพีดีกว่าคาด (KBANK) กลุ่มค้าปลีก สถานการณ์โควิดคลี่คลาย ท่องเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัว ( CPALL)  และหุ้นปลอดภัย  ราคาปรับย่อลงมานาน ไร้กระทบเงินเฟ้อและเติบโต (BAM ,EGCO) 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แม้วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแรง เป็นการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังดัชนีปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้  แต่มีปัจจัยหนุนจากจีดีพีดีกว่าตลาดคาดและจีนเตรียมคลายล็อกดาวน์ แต่มองว่าในระยะ 1 เดือนข้างหน้า ตลาดยังมีแนวโน้มไซด์เวย์ดาวน์ ในกรอบ 1,580-1,630จุด จากนโยบายการเงินของเฟดเข้มงวดขึ้น โที่จะยังขึ้นดอกเบี้ยและจะเริ่มลดสภาพคล่องครั้งแรกในเดือนมิ.ย. และลดลงอีกในระยะข้างหน้าและการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ มองว่า ช่วงตลาดฟื้นตัวได้ระยะสั้นใช้เป็นจังหวะปรับพอร์ตเพิ่มเงินสดและหุ้นดีเฟนซีฟ-คุณภาพ เช่น BEM AAV BDMS