“อาคม” ชี้ดอกเบี้ยนโยบายควรหนุนจีดีพีโตต่อเนื่อง

“อาคม” ชี้ดอกเบี้ยนโยบายควรหนุนจีดีพีโตต่อเนื่อง

“อาคม”ชี้ดอกเบี้ยนโยบายควรหนุนจีดีพีโตได้ต่อเนื่อง เชื่ออาจทำให้เงินไหลออกบ้าง แต่ไม่มาก ประเมินการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะยังเป็นไปตามเป้าหมาย แม้ ครม.จะอนุมัติลดภาษีน้ำมันดีเซล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สภาพัฒน์ปรับลดจีดีพีปีนี้เหลือ 3% ว่า แม้จะปรับลดประมาณการลงมา แต่อัตราการขยายตัวก็ยังอยู่ในแดนบวก และมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ก็จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวคึกคักมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคบริการของประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยว ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ที่ 7 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน

เขายังกล่าวถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศว่า  กระทรวงการคลัง อยากเห็นการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผลบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของไทยที่อยู่ในระดับต่ำกว่าต่างประเทศนั้น ทำให้เงินไหลออกบ้างแต่ไม่มาก ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทก็อ่อนตัวลง เป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น

สำหรับกรณีที่คณะรัฐมนตรี วันนี้ อนุมัติลดภาษีน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 2 เดือนนั้น กระทรวงพลังงาน คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ แม้ว่ากระทรวงการคลัง จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน แต่กระทรวงยังประเมินว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2565 ยังสามารถเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้ รัฐบาลตั้งงบรายจ่ายที่ 3.1 ล้านล้านบาท และประมาณการรายได้ที่ 2.1 ล้านล้านบาท และต้องกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 7 แสนล้านบาท

ส่วนผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 จากตุลาคม  2564 ถึงมีนาคม 2565 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.09 ล้านล้านบาท เป็นการเก็บได้เกินเป้าหมาย 6.88 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าผลการจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจาก อัตราการขยายตัวของการบริโภคในไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัวที่ 3.9 % ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของของปี 2564 ที่ขยายตัว 4%

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์