MAKRO ผลประกอบการ 1Q65: อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

MAKRO ผลประกอบการ 1Q65: อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

กำไรสุทธิของ MAKRO ใน 1Q65 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+21% YoY, -78% QoQ) คิดเป็น 16% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเพราะมีการรวมธุรกิจค้าปลีกเข้ามาในงบรวม

กำไรสุทธิของ MAKRO ใน 1Q65 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+21% YoY, -78% QoQ) คิดเป็น 16% ของ
ประมาณการกำไรปีนี้ของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเพราะมีการรวมธุรกิจค้าปลีกเข้ามาในงบรวม ในขณะที่กำไรที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เป็นเพราะมีการบันทึกกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 6.7
พันล้านบาท (กำไรทางบัญชีจากการเข้าซื้อกิจการแบบ step acquisition) ใน 4Q64

ธุรกิจค้าส่ง: กำไรสุทธิของธุรกิจค้าส่งใน 1Q65 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (ทรงตัว YoY, -20% QoQ) โดย
ยอดขายใน 1Q65 อยู่ที่ 5.66 หมื่นล้านบาท (+3% YoY, -4% QoQ) เนื่องจาก SSSG อยู่ที่ 1% และมีการเปิดสาขาใหม่ (จำนวนสาขาทั้งหมดเมื่อสิ้นงวด 1Q65 อยู่ที่ 155 ร้าน จาก 145 ร้านเมื่อสิ้นงวด 1Q64)
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q65 อยู่ที่ 10.4% (+0.3ppts YoY, -0.8ppts QoQ) เนื่องจากยอดขาย
อาหารสดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น (42% ใน 1Q65 จาก 38% ใน 1Q64)

ธุรกิจค้าปลีก: กำไรสุทธิของธุรกิจค้าปลีกใน 1Q65 อยู่ที่ 309 ล้านบาท (ลดลงจาก 397 ล้านบาทใน
4Q64) โดยรายได้จากยอดขาย และค่าเช่าเพิ่มขึ้น 32% QoQ และ 36% QoQ ตามลำดับ ในขณะที่อัตรา
กำไรขั้นต้นใน 1Q65 ลดลงมาอยู่ที่ 18.8% (จาก 20.1% ใน 4Q64) เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล

ปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของ MAKRO

เรายังคงมองว่าผลประกอบการของ MAKRO จะฟื้นตัวจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ และ
synergy ระหว่าง MAKRO และ Lotus อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งรวมถึงการ
rebrand และการปรับเปลี่ยนระบบ IT ของ Lotus ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน กว่าที่
ผลการดำเนินงานของ Lotus จะดีขึ้นน่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งสำหรับทั้งธุรกิจ hypermarket และการ
ให้เช่าพื้นที่ โดยเราคาดว่าจะยังต้องมีการจัดแคมเปญการตลาดต่อไปเพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน และน่าจะยัง
ต้องอัดโปรโมชั่นราคาอย่างต่อเนื่องด้วย (ทั้งในส่วนของ MAKRO และ Lotus) ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อ
margin ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีกดังนี้ i) ปรับลด occupancy rate ลงจาก
ประมาณ 95% เหลือ 90% ii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าลง 20-30 bps ดังนั้น เราจึงปรับ
ลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566 ลง 14% และ 12% ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ core EPS ปี 2565F
ลดลง 15% YoY ก่อนที่จะกลับมาเพิ่มขึ้น 32% YoY ในปี 2566F

 

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565F จากเดิม 50.00 บาท เหลือ 44.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x
(ค่าเฉลี่ยในอดีตของ MAKRO และ C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* +1.0 S.D.) โดยใช้ EPS ปี 2566 และ discount กลับมาโดยใช้ WACC ที่ 7.2% ทั้งนี้ เนื่องจากยังเหลือ upside อีก 19% และแนวโน้มระยะยาวยังเป็นบวก เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MAKRO

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้, disruption ที่เกิด
จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการใน
ต่างประเทศ