ยอดจดทะเบียน“อีวี”พุ่ง ค่ายรถจีนตอบรับมาตรการรัฐ

ยอดจดทะเบียน“อีวี”พุ่ง ค่ายรถจีนตอบรับมาตรการรัฐ

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานยอดผลิตและยอดขายยานยนต์ในไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ยังคงขยายตัว ในขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนขยายตัวมาก

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เดือน มี.ค.2565 มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV อยู่ที่ 634 คัน เพิ่มขึ้น 272.83% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) ยอดรถ BEV จดทะเบียนใหม่สะสม 1,251 คัน เพิ่มขึ้น170.19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 

“การเติบโตของการใช้รถอีวีเป็นไปตามเทรนด์โลก รวมทั้งเมื่อมีมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย ซึ่งขณะนี้มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว 3 ราย ได้แก่ เอ็มจี , เกรท วอลล์ มอเตอร์ และเนต้า ออโต้” 

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติจำนวนรถประเภทBEV ตามกฎหมายว่าด้วยยานยนต์และการขนส่งทางบก ณ วันที่ 31 มี.ค.2565 ระบุว่า มีรถยนต์นั่งและรถกระบะสะสม 5,381 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 103.3% คิดเป็น 0.05% ของการใช้รถทั้งหมดในประเทศ โดยรวมยานยนต์ประเภท BEV มีจำนวน 14,255 คัน เพิ่มขึ้น 108.13% จากปีก่อน

ยอดจดทะเบียน“อีวี”พุ่ง ค่ายรถจีนตอบรับมาตรการรัฐ

สำหรับ ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน มี.ค.2565 อยู่ที่ 93,840 คัน ลดลง 10.21% จากเดือน มี.ค.64 แต่เพิ่มขึ้น 18.11% จากเดือน ก.พ.2565 เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ) ในรถยนต์นั่งบางรุ่นส่งผลให้การผลิตและส่งออกลดลงในตลาดรถยนต์นั่ง เช่น เอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และยังต้องติดตามการสู้รบในยูเครนที่อาจทำให้การขาดแคลนวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น

ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 243,124 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.81% แต่มีมูลค่าการส่งออกรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่ 217,603.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปีก่อน 2.82%

สำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน มี.ค.2565 มีทั้งสิ้น 172,671 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 6.25% โดยมีสัดส่วนจากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ 50.46% ผลิตได้ 87,133 คัน เพิ่มขึ้นถึง 32.16% จากเดือนเดียวกันปีก่อน 

ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกอยู่ที่ 85,538 คัน ลดลง 11.44% โดยเฉพาะในการผลิตรถยนต์นั่งที่ลดลงถึง 41.70% เพราะขาดชิ้นส่วนและเซมิคอนดักตอร์ในบางรุ่น โดยมีมูลค่าการส่งออก 55,853.30 ล้านบาท ลดลง4.40% จากเดือน มี.ค.64

รวมจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2565) มีจำนวน 480,078 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.06%

“ก่อนหน้านี้มีปัญหาขาดแคลนชิพและชิ้นส่วนอยู่แล้ว ซึ่งหากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าอาจส่งผลทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกหายไปถึง 2.8 ล้านคัน และมีบางค่ายรถยนต์ที่ตัดสินใจปิดรับจองรถใหม่ในกลุ่มที่เป็นอีวี เพราะการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตชิพรายใหญ่”

ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน มี.ค.2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 87,245 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 9.1% โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.2565 รถยนต์มียอดขาย 231,189 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน 19.09% ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 448,147 คัน เพิ่มขึ้น 2.92%

“เพราะรัฐบาลคลายการล็อกดาวน์มากขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการใช้เงินและส่วนลด ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น กำลังซื้อดีขึ้น รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์