ราคาทองพักฐาน รอปรับขึ้นรอบใหม่

ราคาทองพักฐาน รอปรับขึ้นรอบใหม่

แนวโน้มระยะกลาง เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำ เราคาดว่าความกังวลด้านการคลังของสหรัฐฯ จะกลับมาเป็นประเด็นหลักของตลาด หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งกำลังเข้าสู่การพิจารณาในวุฒิสภา และคาดว่าจะเกิดการถกเถียงอย่างเข้มข้น ซึ่งจะหนุนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มมีสัญญาณผ่อนคลายลง ขณะที่รัสเซียกับยูเครนกลับมาเจรจากันอีกครั้ง ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงดีขึ้น และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงรายสัปดาห์แรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 67 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีแรงขายออกจากกองทุน ETF ทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันสถานะซื้อสุทธิของสัญญาฟิวเจอร์สทองคำก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปี

ราคาทองพักฐาน รอปรับขึ้นรอบใหม่

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำกลับมาปรับตัวขึ้นในช่วงปลายเดือน หลังจากที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลังของสหรัฐฯ สิ่งที่น่าสังเกตคือ แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี จะทะลุระดับ 4.5% แต่ราคาทองคำกลับไม่ได้ปรับลงตามรูปแบบความสัมพันธ์ที่ปกติมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกัน สะท้อนว่านักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาเงินต้นมากกว่าการมุ่งหาผลตอบแทน

ราคาทองคำในปัจจุบันอยู่ในช่วงพักฐานหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงต้นปี เรามองว่าการพักฐานครั้งนี้เป็นการพักฐานเพื่อลดความร้อนแรงของราคา และเตรียมพร้อมสำหรับรอบการปรับขึ้นรอบใหม่ หากราคาสามารถทรงตัวเหนือแนวรับระยะสั้นและมีแรงซื้อกลับมาเราคาดว่า ราคาทองคำจะสามารถกลับไปทดสอบแนวต้านที่ 3,370 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง และหากทะลุแนวต้านนี้ไปได้ จะเป็นการเปิดทางให้ไปทดสอบเป้าหมายกลางที่ 3,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับแนวโน้มระยะกลาง เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำ เราคาดว่าความกังวลด้านการคลังของสหรัฐฯ จะกลับมาเป็นประเด็นหลักของตลาด หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งกำลังเข้าสู่การพิจารณาในวุฒิสภา และคาดว่าจะเกิดการถกเถียงอย่างเข้มข้น ซึ่งจะหนุนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อทองคำ โดยรูปแบบของความตึงเครียดทางการค้าที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จากการขู่ขึ้นภาษีแล้วตามด้วยการผ่อนคลายชั่วคราว ได้ทำให้เกิดความผันผวน ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้คาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในยุคทรัมป์ 2.0 และยังคงเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์อย่างเช่นทองคำ

ขณะเดียวกัน ความต้องการทองคำในตลาดจริงก็ยังคงแข็งแกร่ง ธนาคารกลางจีนเพิ่มปริมาณทองคำสำรองต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน และยอดนำเข้าทองคำของจีนในเดือนเมษายนพุ่งขึ้นถึง 73% หลังทางการขยายโควตานำเข้าเพื่อตอบรับความต้องการในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงการสะสมทองคำทั้งในภาคสถาบันและภาคครัวเรือน ท่ามกลางบรรยากาศของความตึงเครียดทางการค้า

ส่วนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สถานะการเก็งกำไรในทองคำเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยสถานะซื้อสุทธิ ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างระหว่างเทรดเดอร์ที่มีมุมมองเชิงบวกกับเชิงลบนั้น เคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 254,841 สัญญาในเดือนกันยายน 67 จากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เร่งตัวอย่างมาก อย่างไรก็ดี นับจากนั้นเป็นต้นมา ปริมาณสถานะดังกล่าวค่อย ๆ ปรับลดลง และล่าสุดเริ่มทรงตัวอยู่บริเวณค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 119,525 สัญญา และเริ่มมีสัญญาณสถานะซื้อสุทธิที่เพิ่มขึ้น ชี้ถึงแนวโน้มราคาทองคำที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในระยะสั้นทองคำยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ โดยแรงกดดันหลักในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากการไหลออกของกองทุน ETF ทองคำ โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่สองของเดือนพ.ค. ซึ่งมีการถอนการลงทุนสูงถึง 694,436 ทรอยอนซ์ ถือเป็นระดับรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 66 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการขายดังกล่าวเป็นการทำกำไรในระยะสั้นมากกว่าที่จะการเปลี่ยนแนวโน้มในภาพใหญ่

โดยสรุปแล้ว เรามองว่าการพักฐานของราคาทองคำในรอบนี้น่าจะเป็นแค่การพักตัวในเชิงเทคนิคบนโครงสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ เราเชื่อว่าการปรับตัวลงของราคาเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านการคลัง ภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน