"ลงทุนในเวียดนาม?"

ระยะนี้เวียดนามราศีจับ มีข่าวออกมาเยอะว่าควรไปลงทุนในเวียดนาม กุนซือธุรกิจไทยหลายคนก็เริ่มจัดสัมมนาเพื่อชี้แนะแนวทาง ผู้นำทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวเร็วเห็นตัวอย่างจากอุตสาหกรรมและการลงทุนขนาดใหญ่เช่นโรงแรม สินค้าบริโภค โรงพยาบาล การก่อสร้างและอุตสาหกรรมพลังงานฯลฯ

โรงงานผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจากจังหวัดกวางตุ้งของจีนก็พากันย้ายเข้ามาตั้งโรงงานเป็นการเพิ่มแหล่งผลิตและกระจายความเสี่ยงหรือแบบถอนรากถอนโคนจากจีนมาเริ่มกันใหม่ที่เวียดนามเป็นจำนวนมากนับเป็นเวลาหลายปีแล้วเนื่องจากค่าแรงงานในจีนเพิ่มขึ้นตลอดเวลาและคนงานหายาก ในเวียดนามค่าแรงงานยังตกประมาณ $125-180 ต่อเดือน ถูกกว่าในจีนหนึ่งเท่า เวียดนามอยู่ใกล้จีน การเมืองก็มั่นคงเพราะพรรคคอมมิวนิสต์ท่าทางจะไม่ปล่อยอำนาจ แต่ที่สำคัญคือสิทธิพิเศษและความตกลงทางการค้าหลายอย่างที่เวียดนามได้ทำสัญญาไว้ซึ่งทำให้สินค้าที่ผลิตในเวียดนามสามารถส่งไปขายและไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าหรือถ้าจ่ายก็ต่ำมากในตลาดสำคัญที่ยุโรปอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอีกหลายแห่งทั่วโลก

สงครามการค้าที่รัฐบาลทรัมพ์ใช้เป็นนโยบายรุกและโดนจีนตอบโต้น่าจะบานปลายไปอีกนาน ยิ่งทำให้การตัดสินใจของเจ้าของโรงงานต่างๆในจีนต้องรวบรัดตัดความหาที่ติดตั้งใหม่เพื่อความอยู่รอด "Made in Vietnam"เป็นเลเบลบนสินค้าหลายอย่างที่ส่งไปขายในอเมริกา หน้าตาสินค้าเหมือนของเดิมที่ผู้บริโภคเคยใช้ Made in China

เวียดนามระยะนี้จึงกำลังบูมมากตัวเลขการส่งออกไปอเมริกาปีนี้ขึ้นกว่า 28% สถิติการส่งออกหลายอย่างเป็นที่น่าทึ่งและเริ่มแซงประเทศไทยไปบ้างแล้ว กลุ่มธุรกิจหลายกลุ่มในไทยก็เก่งที่ปรับตัวด้วยการไม่แข่งกับเวียดนามแต่หันมาลงทุนเลือกหาที่เหมาะพิเศษที่เราเด่นกว่าหลายประเทศในโลก

ล่าสุดเริ่มมีข่าวหนาหูว่า ในเวียดนามเองก็ชักจะมีปัญหาเรื่องค่าแรงเริ่มแพงขึ้น คนงานหายาก รถติด สาธารณูปโภคพัฒนาไม่ทัน ฯลฯ ทำให้เจ้าของกิจการชาวจีนหลายบริษัทต้องรีบหาที่ใหม่ บ้างก็ถอนทัพกลับไปกวางตุ้งเพราะเมื่อมีผู้ย้ายออกเยอะค่าเช่าโรงงานก็ถูกลง แต่บางกลุ่มก็มุ่งไปที่มาเลเซียเพราะมีนโยบายหลายอย่างที่ดึงดูดหรือบ้างก็ไปที่เขตเศรษฐกิจBatam ของอินโดนีเซียซึ่งอยู่ห่างจากสิงคโปร์เพียงแค่ 1 ชั่วโมงโดยเรือแพ หลายประเทศในอาเซียนก็คงจะได้ผลพลอยได้จากการโยกย้ายหรือเพิ่มเติมแหล่งผลิตจากยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจที่พยายามวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของกำแพงภาษีที่มีเค้าว่าจะระบาด

ถึงแม้จะมีหลายบริษัทเริ่มลังเลใจในการจะสู้ต่อไประยะยาวในเวียดนามก็ยังมีหลายบริษัทที่ไม่กังวลและยังอยากมาลองใช้เวียดนามเป็นฐานผลิต
หลายบริษัทยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์เกาหลี ไต้หวันและอเมริกาก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยเรื่อย ผู้นำเวียดนามก็ปรับตัวค่อนข้างเก่งในการที่รู้จักต่อรองให้ประโยชน์ดึงดูดชักชวนผู้เข้ามาลงทุนและขณะเดียวกันหาวิธีเน้นเรื่องความเข้มงวดในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

95ล้านคนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญมากและอายุเฉลี่ยของประชากรในเวียดนามก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ระบบการศึกษาของเวียดนามมีมาตรฐานค่อนข้างสูงและเริ่มเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ชาวเวียดนามโพ้นทะเลซึ่งอพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศตะวันตกและออสเตรเลียและลูกหลานที่เกิดในต่างประเทศซึ่งเป็นเชื้อสายเวียดนามก็เริ่มกลับมาลงทุนบุคลากรที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษระดับเจ้าของภาษามีจำนวนหลาย หมื่นคนที่เข้ามาทำงานในเวียดนามแล้วซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นและมาตรฐานคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ในเวียดนามก็ดีขึ้นมากเทียบกับเมื่อทศวรรษที่แล้ว

โดยภาพรวมแล้วเวียดนามจะพัฒนาสมบูรณ์และสมดุลย์นับวันนับคืน จะมีอุปสรรคบ้างแต่เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ การลงทุนจากไทยควรมีการวิเคราะห์และศึกษาถึงรายละเอียดให้รอบคอบ เน้นในสิ่งที่เรามีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง โอกาสสำเร็จก็น่าจะดีมากครับ

ส่วนท่านที่ประสงค์จะลงทุนในตลาดหุ้นไทยผลตอบแทนจากความเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามภาพรวม ท่านสามารถจะค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้จากระบบDR (ตราสารแสดงสิทธิ์การฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ)ซึ่งเปรียบเหมือนท่านซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทเวียดนามใหญ่สุด30บริษัท(VN30)โดยความสะดวกในการลงทุนด้วยเงินบาทในตลาดหุ้นไทย ผมขออนุญาตไม่ระบุชื่อบริษัทแต่ท่านสามารถจะศึกษาเรื่องนี้ได้โดยสะดวกครับ

ผมในฐานะผู้บริโภคต่อไปหยิบสินค้าจากชั้นวางเมื่อเห็นป้ายผลิตมาจากประเทศใดก็ตาม ก็จะยิ้มเพราะเข้าใจว่าเราก็เป็นพี่น้องกันทั่วโลกครับไม่ว่าจะเป็นมาจากประเทศใดก็แล้วแต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไม่มีพรมแดน ขอให้เราร่วมมือกันสร้างสรรค์แก้ไขปัญหาด้วยกันอย่างสันติก็พอเพียงครับ