เอาสายไฟลงดิน สวยดีแต่ใครจ่าย

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวตลกที่แชร์ไปทั่วโลก แต่คนไทยหัวเราะไม่ค่อยออก คือข่าวที่นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ถ่ายรูปสายอะไรต่อมิอะไรสารพัดชนิด
นับได้หลายสิบเส้นพันกันอีรุงตุงนังบนเสาไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร เล่นเอาการไฟฟ้าฯและผู้บริหารการไฟฟ้าฯต้องรีบออกมาอธิบายพร้อมภาพอินโฟกราฟฟิกว่าสายพวกนั้นไม่ใช่สายของการไฟฟ้าฯ ไอ้ที่เห็นยุ่งเป็นยุงตีกันนั้นมันคือสายสัญญาณสารพัดชนิด เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิลทีวี ฯลฯ ที่มาอาศัยพาดผ่านบนเสาของการไฟฟ้าฯเท่านั้น
เรื่องลามไปถึงการเรียกร้องให้ถอนเสาไฟฟ้าออก และเอาสายไฟฟ้าทั้งหมดที่มีอยู่ไม่กี่เส้นลงใต้ดิน เพื่อที่จะได้ไม่มีเสามาให้สาย ไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณหรือสายไฟฟ้า มาพาดเกี่ยวจนรกรุงรังให้รกตา ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ไม่มีเหตุให้นายมาร์คกลับมาถ่ายรูปไปประจานทั่วโลกได้อีก แต่ความจริงแล้วเรื่องการเอาสายไฟฟ้าลงดินนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ประการใด ที่กรุงเทพฯก็มีหลายสาย ที่ภูเก็ต เชียงใหม่ก็มี
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าถนนหรือเส้นทางที่ทางการไฟฟ้าฯทั้งนครหลวง (กฟน.) และภูมิภาค (กฟภ.) เอาสายไฟลงดินนั้นเป็นถนนธุรกิจ และเป็นเส้นทางสำคัญหรือเป็นพื้นที่ที่ราคาที่ดินบริเวณนั้นสูงอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่ไม่มีการเอาสายไฟในซอยเล็กหรือแถวชุมชนแออัดลงดินเลยแม้แต่เส้นเดียว และเมื่อเอาสายไฟลงดินได้แล้ว รวมทั้งไม่มีสายสัญญาณต่างๆ มาทำลายทัศนียภาพแถวนั้นแล้ว สถานที่บริเวณนั้นก็จะสวยสดงดงามขึ้น เป็นที่ชอบใจแก่เจ้าของร้านค้าแถวนั้น หรือแม้กระทั่งผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านบริเวณนั้น
ก็มันสวยนี่ ทำไมใครจะไม่ชอบ และเมื่อสวยรวมทั้งใครๆ ก็ชอบแบบนี้ ก็ย่อมทำให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งธุรกิจแถบนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเจ้าของที่ดินและธุรกิจแถบนั้นไม่ต้องลงทุนลงแรงแต่ประการใด หลวงทำให้ทั้งนั้น
คำถามที่ตามมาคือ แล้วหลวงเอาเงินมาจากไหนมาทำโครงการแบบนี้ หลายคนอาจไม่รู้คำตอบว่าหลวงก็เอาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากกระเป๋าพวกเรานั่นเอง ทั้งนี้โครงการลักษณะนี้จะแพงกว่าการปักเสาพาดสายด้วยวิธีปกติถึง 6 ถึง 10 เท่าแล้วแต่สภาพของบริเวณนั้นๆ คือ เมื่อมีโครงการเอาสายไฟลงดินมันก็ต้องรื้อสายเก่าออก ถอดเสาทิ้ง ขุดอุโมงค์ใต้ดิน เอาสายไฟใหม่ร้อยเข้าไปในท่อในอุโมงค์ ซึ่งพวกนี้ราคาแพงทั้งสิ้น แพงกว่าระบบปกติ 6-10 เท่าอย่างที่บอกไว้เมื่อสักครู่
และเมื่อราคาต้นทุนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น การไฟฟ้าฯทั้งในส่วนของนครหลวงและภูมิภาคก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะผลักภาระที่เพิ่มขึ้นนี้ให้แก่ประชาชนผู้ใช้ไฟ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาชดเชยกับค่าใช้จ่ายที่ลงไป แต่การไฟฟ้าฯเขาไม่ได้เก็บค่าไฟเพิ่มขึ้นจากประชาชนผู้ใช้ไฟเฉพาะคนที่ได้ประโยชน์ คือคนที่อยู่บนถนนที่สวยขึ้นและค่าที่ดินแพงขึ้นตลอดจนธุรกิจดีขึ้นเท่านั้น แต่เขาเก็บจากประชาชนผู้ใช้ไฟทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมีบ้านพักอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งใดของประเทศไทย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเรากำลังเอาเงินของคนจนและคนชนบทมาสนับสนุนคนเมืองใหญ่แบบกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ ที่รวยกว่าอยู่แล้ว ให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นโดยเขาไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว ซึ่งไม่ว่าจะมองในมุมใดก็ไม่เห็นความยุติธรรมในตรงนี้
ทางแก้ที่เป็นธรรมต่อสังคมคือต้องเก็บเงินค่าไฟเพิ่มขึ้นเฉพาะจากบ้านเรือนและร้านค้ารวมทั้งธุรกิจที่อยู่บนถนนหรือทางที่เอาสายไฟนั้นๆ ลงดินเท่านั้น หากชุมชนใดไม่ยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นรัฐก็ไม่มีเหตุผลหรือคำอธิบายที่ต้องไปทำให้เขา แต่หากชุมชนใดเล็งเห็นประโยชน์ที่ตัวเองจะได้เพิ่มขึ้นและยินดีรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มนี้ เราก็ค่อยไปทำโครงการลักษณะนี้กับเฉพาะที่ถนนหรือเส้นทางนี้เท่านั้น
แล้วจะเก็บค่าไฟอย่างไรให้แตกต่างกัน อันนี้เป็นเรื่องทางเทคนิคที่พวกทำงานสายเทคโนโลยีเขาทำได้ ระบบสายส่งและมิเตอร์อัจฉริยะหรือ Smart Grid and Smart Meter ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งในต่างประเทศก็มีใช้แล้วกับบ้านที่ต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือก เช่น แรงลมหรือแสงแดด ซึ่งก็จะแพงกว่าค่าไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานฟอสซิลปกติ
อีกวิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือเพียงปรับมิเตอร์ไฟที่บ้านตามถนนเส้นที่เอาสายไฟลงดินให้เดินเร็วขึ้นกว่ามิเตอร์ชาวบ้านทั่วไป โดยคูณเป็น factor ที่เพิ่มขึ้น เช่น จะให้ค่าไฟแพงขึ้น 20% ก็ปรับมิเตอร์ขึ้น 20% แต่หากวิธีข้างต้นที่เสนอมายังทำงานไม่ได้ก็ต้องหาวิธีอื่นมาใช้งานให้ได้ ซึ่งก็คงไม่เหนือกว่าความสามารถของการไฟฟ้าของเรา เพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมาก และไม่ใช่ไอ้เจ้าความเหลื่อมล้ำนี้หรือที่ทำให้ประเทศชาติเรามีปัญหาและทุกรัฐบาลได้พยายามหาทางแก้ไขกันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจะไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้มันมากขึ้นอีกทำไม ตรงนี้จึงเป็นหน้าที่รัฐที่ต้องแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำนี้ให้ถูกต้องและเป็นธรรม
//
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวทางวิชาการของผู้เขียน โดยไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่สังกัด
การรื้อสายไฟฟ้าออกและการรื้อถอนเสาไฟฟ้ารวมทั้งการเอาสายไฟลงดิน ล้วนมีค่าใช้จ่ายที่สังคมจะต้องแบกรับ
///
โดย...
ดนยภรณ์ พรรณสวัสดิ์
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ธงชัย พรรณสวัสดิ์
ศาสตราจารย์กิตติคุณภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




