การทำมาหากินของ SME ในปี 2559

การทำมาหากินของ SME ในปี 2559

สวัดีปีใหม่ครับท่านผู้ประกอบการ SME ทุกท่าน ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากปีหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของ SME

รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือท่านผู้ประกอบการ เริ่มตั้งแต่กองทุนหมู่บ้าน Soft loan ดอกเบี้ย 4% มาตรการลดภาษี มาตรการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมีท่านผู้ประกอบการอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ

สิ่งที่สะท้อนออกมาชัดเจน คือ การเพิ่มขึ้นของ NPL จากสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะท่านผู้ประกอบการรายย่อยที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องอย่างรุนแรง

จากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับท่านผู้ประกอบการ SME มานานกว่า 30 ปี ผมเชื่อว่าปี 2559 จะเป็นอีกปีหนึ่ง ที่ยากลำบากไม่แพ้กัน เพราะเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนประเทศ 3 เครื่อง ได้แก่ การลงทุนจากภาคเอกชน การบริโภคภายใน และการส่งออก ไม่ทำงาน เหลือเพียงการลงทุนภาครัฐที่พอจะช่วยได้ เมื่อต้องเผชิญกับปัจจัยลบทั้งเรื่องของภัยแล้ง ราคาพืชผลเกษตรที่สำคัญตกต่ำ ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความไม่แน่นอนทางการเมือง การทำมาหากินในปี 2559 จึงต้องระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ประกอบการมากที่สุด ปรากฏว่า ในปีที่ผ่านมาธุรกิจที่เป็นดาวร่วง

ในปี 2558 และมีแนวโน้มไม่แจ่มใสในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์ หัตถกรรมทั่วไป ผักและผลไม้อบแห้ง ทอผ้าผืน ร้านค้าดั้งเดิม ยางพารา โทรทัศน์สีรุ่นธรรมดา ข้าว ส้วมนั่งยอง มอเตอร์โซค์

ท่านผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้ “ต้องระมัดระวัง” ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ถ้าไม่ไหวจริงๆ จำเป็นต้องเลิกกิจการก็ต้องทำ โดยเฉพาะท่านที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ต้องวางแผนทางการเงินให้เหมาะสม และควรขอคำปรึกษาจากสถาบันการเงินที่ใช้บริการอยู่ เพื่อติดตามแนวโน้มธุรกิจและหาทางออกร่วมกัน

ธุรกิจดาวรุ่ง ที่ยังมีแนวโน้มที่ดีในปี 2559 ซึ่งหลายสำนักมีความเห็นสอดคล้องกัน ได้แก่

1.ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จากการที่อัตราผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สินค้าที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ

2.ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงามมาก สินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม อาหารเสริมต่างๆ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ

3.ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) การส่งเสริมการแพทย์แผนไทย สปา ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

4.ธุรกิจเฟรนไชส์ เป็นการร่วมลงทุนที่สามารถขายสินค้าได้ทันที แต่ต้องเลือกแฟรนไชส์ที่มีระบบการจัดการที่ดี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ กำไรที่ได้รับ อาจน้อยกว่าลงทุนเอง แต่มีโอกาสอยู่รอดได้

5.ธุรกิจการศึกษา จากจำนวนประชากรวัยเรียนที่เพิ่มมากขึ้น การเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี ทำให้มีการแข่งขันในการคัดเลือกคุณภาพของแรงงานมากขึ้น ผู้ปกครองจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสให้กับบุตรหลานในอนาคต

6.ธุรกิจอาหารราคาประหยัด เนื่องจากการขยายตัวของสังคมเมืองที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้วิถีชีวิตของคนเมืองที่ต้องเร่งรีบไปทำงาน มีเวลาส่วนตัวน้อยลง อาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น การลงทุนนการเข้าสู่ธุรกิจอาหารยังไม่สูงมาก

7.ธุรกิจโลจิสติกส์ การเข้าสู่การเปิดการค้าเสรี(AEC) อย่างเต็มรูปแบบ การนำเข้าและส่งออกสินค้าเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งบริการขนส่งสินค้าทางทะเล บริการโกดังและคลังสินค้า รวมถึงบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการด้านจัดการศุลกากร การจัดการเรื่องความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าจะมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

8.ธุรกิจบริการดิลิเวอรี่ ปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าและบริการในยุคดิจิตัลขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัญหาการจราจรที่ติดขัด ทำให้ธุรกิจบริการจัดส่งถึงที่ได้รับความนิยมมากขึ้น อาทิเช่น การจัดส่ง อาหารและเครื่องดื่ม จัดส่งสินค้าแฟชั่น จัดส่งดอกไม้ จัดส่งของขวัญให้คนสำคัญในวันพิเศษ เป็นต้น

ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ถ้าหากมีการวางแผนธุรกิจที่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจคือการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รู้จักปรับตัว และแสวงหาโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น ธุรกิจทีมีแนวโน้มไม่ดี หากมีกลยุทธ์ที่ดีเราอาจเติบโตสวนกระแสได้ ธุรกิจที่แนวโน้มดีหากมีคนเข้าสู่ธุรกิจมาก การแข่งขันสูง บางทีก็ไปไม่รอด

ขอให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2559 โชคดีจะมาสู่ผู้ที่มีความมุ่งมั่น มีแรงบันดาลใจเสมอครับ