อองซานซูจี : จากวันวานถึงวันนี้

อองซานซูจี : จากวันวานถึงวันนี้

ชัยชนะท่วมท้นของการเลือกตั้งใหญ่ สำหรับอองซานซูจีครั้งนี้ กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าการเมือง

ของพม่าครั้งสำคัญยิ่ง

จากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกกักบริเวณ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง และแม้จะมีการเลือกตั้งเมื่อปี 1990 ที่ประชาชนเลือกพรรค NLD ของเธออย่างล้นหลาม เธอก็ไม่สามารถไปใช้สิทธิหย่อนบัตรเพราะยังถูกกักบริเวณ

วันนี้เธอกำลังจะก้าวเข้าสู่อำนาจรัฐ และหากเป็นไปตามที่เธอต้องการ อองซานซูจี จะมีฐานะ อยู่เหนือประธานาธิบดี เพราะทหารเขียนรัฐธรรมนูญไม่ให้เธอมีตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองอย่างเป็นทางการได้

แต่เมื่อเธอคือขวัญใจของประชาชน รัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ “อาณัติ” ยิ่งใหญ่ที่ประชาชนให้กับเธอในการเลือกตั้งครั้งนี้

หากต้องการจะเข้าใจว่าเธอจะเดินหน้าการเมืองอย่างไร ต้องเข้าใจถึงวิธีคิดและแนวทางที่เธอต้องการจะวางตัวเองให้อยู่ในฐานะที่จะร่วมขบวนการปฏิรูปประเทศโดยไม่จำเป็นต้องปัดบทบาทของทหารออกไปจากแวดวงการเมืองทั้งหมดเสียเลยทีเดียว

จึงน่าสนใจว่าการต่อรองเจรจา ระหว่างเธอกับนายพลเต็งเส่ง และผู้นำกองทัพโดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายพลมินอ่องหลาย จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลที่เสียงข้างมาก มีสิทธิในการบริหารโดยที่ยังคงบทบาททหารในระดับที่เหมาะสมอย่างไร

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 หรือ 3 ปีก่อน ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์อองซานซูจีก่อนจะมีการเลือกตั้งซ่อม ที่เป็นก้าวแรกของการผลักดันให้พรรค NLD ของเธอเข้าสู่ฐานอำนาจรัฐ หากฟังคำตอบของเธอต่อคำถามของผมขณะนั้น ก็จะพอประเมินแนวทางของเธอจากนี้ไปได้ไม่ยากนัก

 

ถาม : จากที่เคยเป็นผู้ต่อต้าน ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป คุณรู้สึกอย่างไร?

ซูจี : ฉันยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งเลยค่ะ

ถาม : คุณวางแผนจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูปหรือไม่?

ซูจี : วันหนึ่ง ฉันหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมค่ะ

ถาม : มันยากไหม ที่จะเปลี่ยนแปลง?

ซูจี : ไม่หรอกค่ะ มันอาจจะเป็นงานหนัก แต่เราชินกับการทำงานหนัก มันคงจะไม่ได้หนักไปกว่าในอดีตแล้ว

ถาม : แต่ช่วงเวลาไหนที่ทำให้คุณตัดสินใจว่าคุณจะเล่นเกมนี้กับฝ่ายทหาร?

ซูจี : ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาไหน เพราะเราเชื่อมาโดยตลอดว่าความร่วมมือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้า เราเชื่อในการเจรจามาโดยตลอด และความพยายามร่วมกัน

ถาม : ฝ่ายรัฐบาลให้สัญญาหรือคำมั่นอะไรกับคุณ ถึงทำให้คุณตัดสินใจเข้าร่วม?

ซูจี : ไม่มีคำสัญญาหรือคำมั่นใดๆ แต่ฉันเชื่อว่า ท่านประธานาธิบดีจริงใจที่จะปฏิรูป และท่านบอกว่า ต้องการช่วยสนับสนุนในกระบวนการสู่ประชาธิปไตย เราพูดคุยกันในประเด็นนี้ ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งซ่อมได้

ถาม : ผมเชื่อว่า คุณคงถามท่านว่าฝ่ายทหารสนับสนุนการปฏิรูปครั้งนี้หรือไม่

ซูจี : ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้ถามท่าน ดิฉันจะไม่พูดว่าฉันพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านอย่างไร

ถาม : อย่างน้อยผมก็ต้องการรู้ว่า...

ซูจี : ฉันจะไม่พูดถึงสิ่งที่พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราพูดคุยกันหรือไม่ได้พูดคุยกันก็ตาม

ถาม : อนาคตของคุณล่ะครับ ก้าวต่อไปของคุณคืออะไร?

ซูจี : ก้าวต่อไป ก็คือต้องชนะการเลือกตั้งซ่อมค่ะ ฉันคิดว่า เราควรก้าวไปข้างหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป

ถาม : และถ้าคุณชนะการเลือกตั้งซ่อม คุณจะเล่นบทบาทอะไรในสภา?

ซูจี : บทบาทของการเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านที่ดีค่ะ

ถาม : ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลครับ?

ซูจี : เราต้องเริ่มจากการเป็นฝ่ายค้านค่ะ เราคงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มี ส.ส. 48 ที่นั่ง แม้ว่าจะชนะทุกๆเขตก็ตาม

ถาม : คุณจะบอกอะไรกับโลกในขณะที่พม่ากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว?

ซูจี : จับตามองกระบวนการเลือกตั้งซ่อม ฉันคิดว่าเราต้องค่อยๆเดินไปทีละก้าว และสิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือ การเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้น ควรจะมีอิสระและความยุติธรรมและเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย

จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกอย่างกำลังจะปรับเปลี่ยนอีกครั้ง ท่ามกลางความคาดหวังสูงจากคนพม่าทั่วประเทศ “แม่ซู” กำลังจะต้องก้าวเข้าสู่บทบาทที่หนักหน่วงและท้าทายยิ่ง