การเมืองพม่า... ละครฉากใหม่กำลังร้อนแรง

ผมกำลังจับตาไปที่เนย์ปิดอว์ เมืองหลวงพม่า เพราะรัฐสภาจะเปิดประชุมอีกครั้งหนึ่งวันนี้
ทุกคนต้องการรู้ว่าประธานสภา ยังเป็นคนเดิมที่ชื่อฉ่วยมานหรือไม่?
ฉ่วยมานเอารูปตัวเองขึ้น Facebook เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เหมือนจะยืนยันว่ายังทำงานเป็นประธานรัฐสภาอยู่... หลังจากมีข่าวสับสนว่าเขาถูก “เด็ดปีก” และถูก “กักบริเวณ” เพราะเกิดความขัดแย้งกับประธานาธิบดีเต็งเส่งและกลุ่มนายทหาร
ที่แน่ ๆ คือฉ่วยมานถูกถอดออกจากตำแหน่งประธานพรรครัฐบาลหรือ Union Solidarity and Development Party (USDP) ด้วยเหตุผลทางการที่ว่าเขามีงานมากเกินไป เป็นทั้งประธานรัฐสภาและหัวหน้าพรรค จึงให้เหลือตำแหน่งเดียวคือประธานรัฐสภา และปรับโครงสร้างการทำงานของพรรคเพื่อเตรียมเข้าแข่งในการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
แต่ความลี้ลับสับสนยังไม่หายไปไหน เพราะยังไม่มีคำตอบว่าทำไมต้องมีการส่งทหารไปล้อมบ้านฉ่วยมาน ซึ่งเคยเป็นนายทหารคนสำคัญของกองทัพพม่าก่อนการ “เปิดประเทศ” ยามดึกเมื่อวันพุธก่อนท่ามกลางข่าวน่าระทึกใจว่าเป็น “ปฏิวัติเงียบ” ภายในแวดวงทหารด้วยกันเอง
ฉ่วยมานเขียนข้อความใน Facebook ว่า “ผมจะทำงานร่วมกับประชาชนต่อไปเพื่อทำสิ่งดี ๆให้กับพวกเขาจนกว่าเวลาผมจะหมดลง”
เป็นข้อความที่ทำให้ตีความไปได้หลายทาง และไม่ใช่เป็นการยืนยันว่าเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ยิ่งทำให้เกิดความงุนงงว่าบทบาทของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
ที่สร้างความสงสัยให้กับผู้คนอยู่ตรงที่ว่า ในวันเดียวกันที่ทหารไปล้อมบ้านประธานสภาฉ่วยมานนั้น เลขาธิการพรรค USDP ที่ชื่อหม่องหม่อง (Maung Maung) ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งด้วย
ล่าสุดข่าวบอกว่าเขายังอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ได้บอกว่าเขาถูก “กักบริเวณ” หรือไม่แต่อย่างใด
เรื่องนี้ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าพอสมควร เพราะก่อนหน้าที่ฉ่วยมานและพวกจะถูกปลดจากพรรคนั้น เต็งเส่งได้ประกาศรายชื่อรัฐมนตรีหลายคนที่ขอลาออก และต่อมาก็มาปรากฏเป็นกรรมการกลางของพรรคแทน
คำประกาศจากพรรคบอกว่าประธานาธิบดีเต็งเส่ง จะควบตำแหน่งประธานพรรคพร้อมกันด้วย
ที่แปลกเอาการก็คือนายเทอู (Htay Oo) ที่เคยเป็นรองประธานพรรคก็จะขึ้นมาเป็น “ประธานพรรคคู่” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่มีเบื้องหลังน่าตรวจสอบแน่นอน
ที่แน่ชัดว่าทำไมต้องจัดการกับฉ่วยมานเมื่อวันพุธอย่างฉับพลัน และเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าพรรควันต่อมา ก็เพราะวันศุกร์เป็นเส้นตายสำหรับพรรคการเมือง ที่จะส่งรายชื่อผู้สมัครให้กับกรรมการเลือกตั้ง
วงในวิเคราะห์ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ฉ่วยมานกลายเป็น “แกะดำ” ในพรรครัฐบาลก็เพราะเขามีความสนิทสนมกับอองซานซูจี หัวหน้าพรรค NLD ที่คาดการณ์กันว่าจะชนะเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างจะท่วมท้น หากไม่มีการโกงเลือกตั้ง
เมื่อการเลือกตั้งทั่วไปปี 1990 พรรค NLD ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 82.2% และในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อปี 2012 พรรคของเธอก็ได้คะแนนถึง 97.7%
แม้ฉ่วยมานจะยังเป็นประธานสภา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้นำกองทัพกระแสหลักก็คงจะไม่ราบรื่นอีกต่อไป
จึงน่าสนใจว่าอองซานซูจี จะเดินหมากการเมืองอย่างไรระหว่างนี้ถึงวันเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งแล้วจะ “ปรองดอง” กับกองทัพอย่างไรหากเธอมีเสียงข้างมาก แต่ทหารก็ยังมีโควตาที่นั่งในสภา 25%
ถ้าเธอได้เสียงล้นหลาม และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เธอสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ ทหารจะยอมหรือไม่? หรือจะมีการแบ่งปันอำนาจการบริหารประเทศ ระหว่างเธอกับกองทัพเพื่อให้การ “ปฏิรูป” เดินหน้าต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก
เพราะเมื่อพม่าเปิดประเทศ ยืนยันจะไม่กลับสู่ระบบเผด็จการทหารแล้ว การส่งทหารไปล้อมบ้านใครต่อใคร เพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่งย่อมมิใช่เป็นพฤติกรรมปกติแน่นอน
ละครการเมืองฉากใหม่ของพม่ากำลังจะเริ่มเข้มข้นอีกครั้งหนึ่ง
และอย่าได้ละสายตาจากกัมพูชาที่นายกฯ ฮุนเซน กำลังจะขย้ำพรรคฝ่ายค้านอีกรอบหนึ่งทั้ง ๆ ที่ครอบครัวนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้านสม รังสีกินข้าวถ่าย selfi กันเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ตาม
หรือการเมืองวุ่น ๆ มาเลเซียที่นายกฯ นาจิบ ราซัค กำลังตกอยู่ในสภาพหลังพิงฝาเพราะกรณีคอร์รัปชันอื้อฉาว
ขณะที่นายกฯ หลี่เสียนหลงสิงคโปร์ ประกาศยุบสภาเลือกตั้งเร็วกว่ากำหนด 2 ปี
การเมืองรอบบ้านกำลังร้อนแรง... เมืองไทยจึงควรจะหันมาเดินหน้าโรดแมพให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย!







