เศรษฐกิจฟื้นเป็นตัว V โดยไม่ต้องพึ่งวงจรเงินใต้ดิน

โฆษกของธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นลักษณะ V-shape
ซึ่งแปลว่าจะเป็นการเหวี่ยงตัวขึ้นเป็นเส้นเฉียงขึ้นตรงอย่างน่าประทับใจ
ไม่ใช่กระเตื้องแล้วตัว U หรือตัว W ที่อาจจะหมายถึงความไม่แน่นอนสูง
หกเดือนแรกของปีนี้ อัตราโตของจีดีพีประเทศติดลบประมาณ 0.5% ด้วยซ้ำไป ดังนั้นการที่อัตราโตเฉลี่ยทั้งปีจะได้ 2% ย่อมแปลว่าหกเดือนหลังของปีนี้จะต้องเห็นการเด้งขึ้นไปที่ 4-5% ซึ่งแปลว่าจะต้องเป็นการขยับขึ้นอย่างแรงพอสมควร
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ คสช. ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อัตราเติบโตของผลผลิตมวลรวมทั้งปีอาจจะต่ำกว่า 2%
ซึ่งหมายความว่ายังจะต้องเกาะติดสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดกันต่อไปเพราะถ้าหากอัตราโตทั้งปีต่ำกว่า 2% ก็จะต้องมีการทบทวนคำพยากรณ์เศรษฐกิจของทั้งปีและของปีหน้ากันอีกรอบ
ที่น่าสนใจคือแนววิเคราะห์ของคุณณรงค์ชัย ที่ว่าที่เศรษฐกิจไม่โตตามคาดก็เพราะมี “เงินที่ไม่ถูกต้อง” หายไปจากระบบเพราะนโยบายการปราบปรามการพนัน, เงินค่าต๋ง, ยาเสพติด และธุรกรรมใต้ดินอย่างจริงจัง
เมื่อ “เงินผิดกฎหมาย” เหล่านี้ถูกตัดออกจากวงจรปกติ ก็ทำให้อัตราโตของเศรษฐกิจไม่ได้ตามที่คาดหมายเอาไว้
เพราะนักวิเคราะห์และพยากรณ์เศรษฐกิจไม่ได้คำนวณเอา “เงินตลาดมืด” ที่หายเข้าไปในการประเมินอัตราเติบโตเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ดังนั้น การ “ปฏิรูปประเทศไทย” รอบนี้จะต้องพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยที่ไม่พึ่งพิง “กระแสเงินใต้ดิน” ที่มากับธุรกิจเถื่อนไม่ว่าจะเป็นการพนัน, ยาเสพติด และธุรกรรมผิดกฎหมายทั้งหลายทั้งปวงที่มีส่วนเป็น “น้ำเลี้ยง” ให้กับนักการเมืองบางกลุ่มบางคนที่ใช้เงินตลาดมืดเหล่านี้ซื้อเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง อันนำไปสู่คอร์รัปชันที่ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหงของสังคมไทย
แม้ว่าการปราบปรามเรื่องผิดกฎหมายเหล่านี้ จะมีผลทำให้วงจรการใช้จ่ายต้องชะงักลงไป ก็ไม่ควรที่จะต้องกังวลมาก เพราะนั่นเป็นเงินอันไม่พึงปรารถนา และเป็นที่มาของปัญหาสังคมมากมาย
การจะสร้างฐานเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคงจะต้องไม่พึ่ง “ประชานิยม” และตัด “ท่อน้ำเลี้ยง” ผิดกฎหมายที่เคยเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและข้าราชการทั้งในและนอกเครื่องแบบบางส่วน
นั่นคือสิ่งที่ท้าทาย คสช. และ ครม. ชุดใหม่ที่จะต้องมีความ
"แน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด” ให้จงได้ และมุ่งสร้างเศรษฐกิจที่ยืนอยู่บนความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใส และเดินตามหลักธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง
แบงก์ชาติบอกว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จะทรงตัว แต่ก็เชื่อว่าแนวโน้มระยะต่อไปยังน่าจะฟื้นตัวตามลำดับ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นลักษณะ V ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป
คุณณรงค์ชัยบอกว่า การฟื้นตัวจะเห็นได้ชัดเจนในปีหน้า ซึ่งจะโตได้ 4-5% อย่างไม่ยากเย็น เพราะท่านเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะดำเนินการประมูลและจัดซื้ออย่างรวดเร็ว ต่างจากอดีตที่นักการเมืองชอบเข้ามายุ่งกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนต่าง ๆ จนทำให้เกิดความล่าช้าและไม่คุ้มค่า
คุณณรงค์ชัยไม่ได้พูด แต่ผมพูดเองได้ว่า เมื่อนักการเมืองเข้ามาจุ้นจ้านกับการจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาไม่ใช่เพียงแค่เกิดความล่าช้าเท่านั้น แต่ยังมีการโกงกินกันอย่างมโหฬาร ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลอีกด้วย
ผมจึงหวังว่าการฟื้นของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังและปีหน้าจะเป็นรูปตัว V ได้โดยไม่ต้องอาศัย “เงินผิดกฎหมาย” ทั้งหลายทั้งปวง
เพราะหากทำได้ ก็จะเป็นฝีมือล้วนๆ ไม่ต้องพึ่งของปลอมของเถื่อนเลย