รวมแบงก์มาเลย์ กระตุกธนาคารไทยตื่น

รวมแบงก์มาเลย์ กระตุกธนาคารไทยตื่น

ข่าวธนาคารยักษ์ใหญ่ของมาเลเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งซีไอเอ็มบี, RHB Capital และ Malaysia Society Build

(MBSB) ประกาศแผนควบรวมกิจการ ผงาดเป็นแบงก์อิสลามใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมพร้อมรับมือดีบีเอส ของสิงคโปร์ ก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 โดยที่ซีไอเอ็มบีมีธุรกิจในเมืองไทย ทั้งในรูปใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ และนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ทำให้เกิดคำถามที่ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยที่ตกอยู่ในภาวะ"เสือหลับ"มานานหลายปี โดยนับตั้งแต่หลังเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจการเงินไทยยุคต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ทำให้ภาพธนาคารไทยที่เคยผงาดเป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาคกลายมาเป็นแบงก์ที่เติบโตอย่างช้าๆถูกทิ้งไม่เห็นฝุ่นจนกระทั่งมีฐานะการเงินไม่ติดอันดับ"Top5"ของอาเซียนเลย

ภาพสะท้อนในบทบาทธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทยขณะนี้ ไม่ได้ถูกเอ่ยอ้างถึงในฐานะธนาคารนำในอาเซียนแต่อย่างไร โดยเฉพาะชื่อของธนาคารใน 5 อันดับแรกนั้นจะประกอบด้วยธนาคาร DBS Group ของสิงคโปร์ ซึ่งประกาศตัวว่าเป็นธนาคารครอบจักรวาลหรือ Universal Bank มีขนาดของสินทรัพย์รวมเป็นเบอร์หนึ่งถึง 3.37 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 9 ล้านล้านบาท ตามด้วย Oversea-Chinese Banking Corp และ United Overseas Bank ของสิงคโปร์เป็นเบอร์ 2 และ 3 ขณะที่ CIMB Group ของมาเลเซียภายหลังควบรวมกิจการทั้ง 3 แบงก์แล้วจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในมาเลเซียมีสินทรัพย์รวมถึง 5.97 แสนล้านริงกิต หรือ 1.88 แสนล้านดอลลาร์ และ Malayan Banking หรือ Maybank ของมาเลเซียเป็นเบอร์สองมีสินทรัพย์รวม 5.6 แสนล้านริงกิต อยู่ที่อันดับ 4 และ 5 ของภูมิภาคนี้

ขณะที่ธนาคารใหญ่ 3 อันดับแรกของไทยคือ ธนาคารกรุงเทพมีสินทรัพย์รวม 2.54 ล้านล้านบาท หรือเพียง 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์มีสินทรัพย์รวม 2.51 ล้านล้านบาท และธนาคารกสิกรไทยมีสินทรัพย์รวม 2.29 ล้านล้านบาท โดยที่ผ่านมาได้เลือกที่จะเติบโตภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากระบบธนาคารของไทยมีลักษณะการแข่งขันที่ไม่รุนแรงและมีการติดตามคุ้มครองดูแลจากธนาคารกลางคือธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยไม่ได้ออกไปมีบทบาทขยายธุรกิจและบริหารความเสี่ยงในต่างประเทศ จึงน่าสนใจว่า หากการรวมตัวของเออีซีเกิดขึ้นในปี 2558 แล้ว เวทีของการแข่งขันทำธุรกรรมทางการเงินในระบบตลาดที่มีผู้บริโภคถึง 650 ล้านคนแล้ว ธนาคารไทยจะยังคงเข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือการแข่งขันจากธนาคารนอกประเทศที่ขนาดใหญ่กว่าและมีการเตรียมตัวพร้อมได้หรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดร.ปิยะศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน เชื่อว่าการควบรวมกิจการของธนาคารซีไอเอ็มบีคราวนี้เป็นไปตามเทรนด์การแข่งขันในประชาคมอาเซียน และกระแสโลกาภิวัฒน์ และเพื่อแข่งขันกับธนาคารจากประเทศอื่นแล้ว ธนาคารไทยคงต้องขยายบทบาทไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น CLMV ทั้งในกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนขนาดใหญ่มากขึ้น หรืออาจเป็นไปได้ที่จะเห็นสถาบันการเงินไทยมีการควบรวมกันมากขึ้นในอนาคต เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพราะเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ธนาคารไทยยังมีขนาดเล็กกว่าธนาคารใหญ่ในสิงคโปร์ 3 เท่า และเล็กกว่าแบงก์ใหญ่ในมาเลเซียถึง 2 เท่า อาจจะถึงเวลาที่การควบรวมแบงก์มาเลย์ในวันนี้กำลังปลุกให้ธนาคารไทยต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง