บทเรียน ‘ทุนเทา’ เขย่า ‘ส้ม’ ขย่ม ‘แลนด์สไลด์’ เมืองหลวง

บทเรียน ‘ทุนเทา’ เขย่า ‘ส้ม’ ขย่ม ‘แลนด์สไลด์’ เมืองหลวง

ผู้สมัคร สส.กทม. ของพรรคประชาชน (ปชน.) ถูกจับกุมในข้อหาพัวพันคดีฟอกเงิน ซึ่งขัดแย้งกับนโยบาย "กาส้ม ล้มเทา" ของพรรค

KEY

POINTS

  • ผู้สมัคร สส.กทม. ของพรรคประชาชน (ปชน.) ถูกจับกุมในข้อหาพัวพันคดีฟอกเงิน ซึ่งขัดแย้งกับนโยบาย "กาส้ม ล้มเทา" ของพรรค
  • เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของฐานเสียง และสั่นคลอนเป้าหมายการคว้าชัยแบบ "แลนด์สไลด์" ในกรุงเทพฯ
  • พรรคฯ แก้ปัญหาด้วยการส่ง "เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร" อดีต สส. ลงสมัครแทน แต่ต้องเผชิญความท้าทายในการแข่งขันนอกพื้นที่ฐานเสียงเดิม
  • กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการคัดกรองผู้สมัครของพรรค ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต และเปิด

เงื่อนปม “บุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 พรรคประชาชน (ปชน.) ถูกตำรวจบุกจับกุมตั้งแต่ช่วงดึกคืนก่อน (27 ธ.ค.) ในคดีถูกกล่าวหาว่าพัวพันในการ “ฟอกเงิน” จากเครือข่ายยาเสพติดใน 4 ธุรกิจขนส่ง ส่งผลสะเทือนต่อฐานเสียง “พรรคส้ม” ในเมืองหลวงอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ว่าแกนนำพรรคส้ม ไม่ว่าจะเป็น “เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯของพรรค “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” กรรมการบริหาร ปชน. 1 ใน 6 ผู้มีอำนาจคัดสรรผู้สมัคร สส.ของพรรค รวมถึง “รังสิมันต์ โรม” หัวหอกส้มด้านปราบปราม “ทุนเทา-สแกมเมอร์” ออกมา “กราบขอโทษ” ประชาชน โดยอ้างว่าเป็น “เหตุสุดวิสัย”

บรรดาแกนนำ ปชน.ยืนยันตรงกันว่า ในการคัดสรรผู้สมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบปาร์ตี้ลิสต์ของพรรครอบนี้ กลั่นกรองอย่างเข้มข้นมากกว่าเดิม มีการใช้ “ลายนิ้วมือ” เพื่อเช็คประวัติอาชญากรรม รวมถึง “เครดิตบูโร” ของผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. รวมถึงเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ให้สมาชิก-ประชาชนส่งเรื่องร้องเรียนมายังพรรค เพื่อคัดสรรจนถึงวันสุดท้ายก่อนส่งลงสมัครแล้วก็ตาม

แต่รายของ “แบงค์ บุญฤทธิ์” ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพรรคได้ตรวจประวัติอาชญากรรมข้างต้นก่อนวันที่ 17 ธ.ค. ทว่าตำรวจได้ออก “หมายจับ” เมื่อ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา และอีก 10 วันถัดมา ได้บุกจับกุมเขาที่บ้านพักเลย โดยไม่มีการออก “หมายเรียก” มาก่อน ซึ่งสร้างความ “ช็อก” แก่บรรดาแกนนำพรรค ปชน.ไม่ใช่น้อยเช่นกัน

เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลัง ปชน.ยื่นรายชื่อผู้สมัคร สส.เขต กทม. ครบทั้ง 33 เขตไปแล้วตั้งแต่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าพรรค ปชน.จะสามารถยื่นเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้สมัคร สส.เขตได้ตลอดเวลา เพราะยังอยู่ในช่วงเวลารับสมัคร สส.เขต คือระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. แต่ในเมื่อเกิดเหตุนี้ ย่อมกระทบ “ความเชื่อมั่น” ของ “ด้อมส้มเมืองหลวง” ได้ ไม่มากก็น้อย

วิกฤติการณ์ของพรรคส้มที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายอีก 1 เดือนเศษ ก่อนวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 นี้ ส่งผลให้พรรค ปชน.ต้องทำ “ไพรมารีโหวต” ใหม่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

โดยมีมติส่ง “เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” อดีต สส.กทม.2 สมัยตั้งแต่ยุค“อนาคตใหม่-ก้าวไกล” ซึ่งประกาศ “ยุติบทบาท”เพื่อไปช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังพรรคปชน. เจ้าตัวต้อง“คัมแบ็ก” กลับคำพูดมาลง สส.กทม.เขต 33 เพื่อกอบกู้วิกฤติพรรคในครั้งนี้อีกครั้ง

แต่ต้องไม่ลืมว่า พื้นที่ กทม.เขต 33 มิใช่พื้นที่ “ฐานเสียงเดิม” ของเขา เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2562 เขาเป็น สส.กทม.เขต 22 ต่อมาในปี 2566 มีการ “แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่” เขาชนะการเลือกตั้งในพื้นที่เดิมแต่เปลี่ยนเลขเป็น สส.กทม.เขต 24 เขตธนบุรี (แขวงบุคคโล แขวงตลาดพลู แขวงดาวคะนอง แขวงสำเหร่) เขตคลองสาน เขตราษฎร์บูรณะ (แขวงบางปะกอก) ซึ่งส่งไม้ต่อให้ ณพัฎน์ จิตตภินันท์กัณตา นักเขียน และอาจารย์ด้านภาพยนตร์ลงสมัครแทนแล้ว

ส่วนพื้นที่ กทม.เขต 33 เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย (แขวงบ้านช่างหล่อ แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงอรุณอมรินทร เดิมมี “พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ” เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม แต่ในการเลือกตั้งปี 2569 เขาไม่ได้ถูกส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีกระแสข่าวว่า เนื่องจากทำงานในพื้นที่ยังไม่ดีเพียงพอ “โปลิตบูโร” จึงคัดเลือก “แบงค์ บุญฤทธิ์” ลงสมัคร สส.แทน

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ “แบงค์ บุญฤทธิ์” ซึ่งคลุกคลีตีโมงกับพรรคส้มมายาวนานตั้งแต่ยุค “ก้าวไกล” คืออดีตผู้ช่วย สส.ของ “พงศ์พันธ์” และคุม “ทีมบางพลัด” หนึ่งในคณะทำงานของ “พงศ์พันธ์” แต่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง “แบงค์” และ “ทีมงานบางพลัด” ลาออกจากผู้ช่วย สส. และคณะทำงานของเขา ก่อนจะถูกครหาว่า “หักหลัง” มาลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม.เขต 33 แทน

การที่พรรค ปชน.ดันให้ “เท่าพิภพ” คัมแบ็คมาช่วยพรรค ในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ฐานเสียงเดิมของเขา อาจทำให้มีความยากลำบากในการช่วงชิงพื้นที่ ซึ่งเขตนี้เขาต้องชนกับ 3 พรรคใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทยส่ง “สุไพรพล เพ็ญแข” คู่สมรส “จักรภพ เพ็ญแข” อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย และแกนนำเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยส่ง "อรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง" อดีตพิธีกรชื่อดังงานอีเวนต์ ส่วน “ค่ายสีฟ้า” ปชป.มี "เจตน์สฤษดิ์ เลิศธนสาร" อดีตคณะทำงาน รมว.สาธารณสุข ลงสมัคร

ประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องนี้คือ กระบวนการคัดสรรผู้สมัคร สส.พรรคส้ม ซึ่งเกิดปัญหาขึ้นมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อร่างสร้างพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2561 แบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้ 

1.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.บางคน มีคดีเกี่ยวกับเรื่อง “ชู้สาว” ติดตัว ส่งผลให้พรรคต้องมีมติขับออก และเสียที่นั่งในสภาฯไป 

2.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.บางคน มีคดีทางการเมือง หรือคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุด แต่ก็ “สุ่มเสี่ยง” จะเสียเก้าอี้ในสภาฯ ไปเช่นกัน

3.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ที่มีอุดมการณ์ขัดแย้ง หรือซ่อนจุดยืนเดิมไว้ เพื่อหวังเข้าไปเป็น สส.ก่อนจะกลายเป็น “งูเห่า” ซึ่งเกิดขึ้นกับพรรคส้มมาทั้ง 3 ยานพาหนะ (อนาคตใหม่ ก้าวไกล ปชน.) 

และ 4.คดีเกี่ยวกับอาชญากรรมอื่น ๆ ในอดีตของผู้สมัคร สส.หรือสมาชิกพรรคหลายคน ที่เคยเกิดขึ้นและปรากฏผ่านหน้าสื่อหลายครั้งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว ยังส่งผลสะเทือนสำคัญอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นของ“ด้อมส้มเมืองหลวง” เดิมพรรคส้มครองเก้าอี้ในเมืองกรุงฯ จำนวนมาก ตั้งแต่การเลือกตั้ง สส.กทม.มาตั้งแต่ปี 2562 โดยปีนั้น “อนาคตใหม่” ได้ สส.รวม 9 คน จากทั้งหมด 30 ที่นั่ง เป็นรองพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ไป 12 ที่นั่ง เหตุขณะนั้น “กระแสลุง” ยังสูง

ในการเลือกตั้งปี 2566 “ก้าวไกล” กวาดเก้าอี้ สส.กทม.เบ็ดเสร็จ 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขต ได้คะแนนเขตรวมถึง 1,397,554 เสียง และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใน กทม.รวม 1,600,689 คะแนน (แพ้แค่ในเขต 20 “อิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ แห่งเพื่อไทย เฉือนชนะผู้สมัคร สส.ส้มแค่ 4 คะแนน)

ดังนั้นในการเลือกตั้งปี 2569 ปชน.จึงหมายมั่นปั้นมือมาแต่ไก่โห่ หวัง “แลนด์สไลด์” สส.เมืองหลวงทั้งหมด ครบทั้ง 33 เขต โดยปูทางเตรียมความพร้อมมาก่อนหน้านี้หลายเดือน แต่กลับต้องมา “พังทลาย” จากเหตุการณ์ “แบงค์ บุญฤทธิ์” 

ที่สำคัญยังเกิดขึ้นในช่วงชูม็อตโต้ “กาส้ม ล้มเทา” แต่ผู้สมัคร สส.ส้มกลับพัวพันกับ “คดีสีเทา” เสียเอง ย่อมทำให้ผู้สนับสนุนพรรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “วัยรุ่น-ชนชั้นกลาง” ใน กทม.เกิดคำถามขึ้นมาไม่มากก็น้อย และการเสียความเชื่อมั่นดังกล่าว อาจลุกลามบานปลายไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ จนเสียภาพรวมทั้งประเทศก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อ “ลมเปลี่ยนทิศ” ฉากทัศน์การเลือกตั้งเมืองหลวงต่อจากนี้ จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง อีก 3 พรรค “แดง-น้ำเงิน-ฟ้า” เตรียมลับมีดหยิบยกเรื่องนี้มา “ตีกิน” ผู้สมัคร สส.ส้ม แน่นอน หวังสางแค้นแย่งชิงพื้นที่ กทม.ซึ่งถูก “ปักธงส้ม” มานานถึง 2 สมัย 

ปชน.จะแก้หมากเกมนี้อย่างไร ต้องรอดูกันอีก 1 เดือนนับจากนี้