คิดได้พูดได้แต่ "ทำ" ไม่ได้

ภาวะเศรษฐกิจในบ้านเราและตลาดโลกทุกวันนี้ คงกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าไม่ได้อยู่ในภาวะปกตินัก รวมถึงอาจเข้าขั้นวิกฤติได้ด้วยซ้ำ
หากสถาการณ์ต่างๆ ลุกลามและบานปลายจนควบคุมไม่ได้ เพราะระบบเศรษฐกิจทุกวันนี้เปราะบางเหลือเกิน
ท่ามกลางความผันผวนเช่นนี้กลับเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้หลายๆ บริษัทมองเห็นช่องว่างและหาทางไขว่คว้าความสำเร็จมาเป็นของตัวเองได้ เพราะในวิกฤติย่อมมีโอกาสแฝงอยู่ ใครที่กล้าคิดกล้าทำก็ย่อมเข้าใกล้เป้าหมายได้มากกว่าคนที่ “กล้าคิดกล้าพูด” แต่เพียงอย่างเดียว
ความกล้าคิด กล้าพูด แต่ไม่กล้าลงมือทำมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย และผมเชื่อว่ามีให้เห็นทุกองค์กร ทุกบริษัท รวมไปถึงทุกครอบครัวที่จะมีญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ที่เฉลียวฉลาดและความคิดแปลกใหม่เสมอแต่กลับไม่นำไปใช้สร้างโอกาสให้ตัวเอง
ประสบการณ์ของผมในอดีตเมื่อครั้งยังศึกษาเล่าเรียนอยู่สหรัฐก็ไม่แตกต่างกันนัก เพราะยุคนั้นคนที่มีโอกาสได้เล่าเรียนต่างประเทศไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนทุกวันนี้ นักศึกษาต่างชาติสมัยนั้นมักจะเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิที่ได้ทุนการศึกษาจากหน่วยงานในประเทศของตัวเอง
ผมจึงมีโอกาสได้คลุกคลีกับกลุ่ม “หัวกะทิ” เหล่านี้ ซึ่งบางส่วนเมื่อเรียนจบแล้วก็ยังสมัครใจใช้ชีวิตในสหรัฐฯ ต่อ เป็นนักวิชาการ หรือเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมีชื่อ เพราะความเป็นเลิศด้านวิชาการและความเฉลียวฉลาดที่ไม่แพ้ชาวอเมริกันเลย
ชุมชนชาวจีนยุคนั้นก็มักจะรวมกลุ่มกันบ่อยเหมือนๆ สังคมชาวไทยที่มักจะทำอาหารมารับประทานร่วมกัน โดยมีอาหารหลักอย่างหนึ่งคือ Egg Flower Soup หรือซุปไข่ชนิดหนึ่งของจีน ซึ่งมีคนทำมารับประทานร่วมกันทุกปี
และทุกๆ ปีนั้น ก็จะมีคนชื่นชมรสชาติอันกลมกล่อมของซุปอย่างไม่ขาดสาย พร้อมสำทับว่าหากทำขายเมื่อไรก็คงจะร่ำรวยแน่นอนเพราะเป็นซุปที่อร่อยมาก จนใครๆ ที่ได้ชิมก็พากันติดอกติดใจรสชาติ จนขอให้ทำมารับประทานร่วมกันบ่อยๆ
ผ่านไปกี่ปีๆ Egg Flower Soup ก็ยังคงเป็นอาหารโปรดประจำงาน แต่ผมก็ไม่เคยเห็นใครตั้งใจจะทำซุปนี้ออกขายอย่างจริงจัง จนผมเชื่อว่านานวันเข้า Egg Flower Soup ก็จะกลายเป็นเหมือนนิทานปรัมปราเรื่องหนึ่งที่คนเก่าแก่เล่าขานให้เด็กๆ รุ่นใหม่ฟังว่าเป็นซุปที่อร่อยมาก และหากมีใครทำขายก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
ผมอดคิดไม่ได้ว่าผู้เล่านั้นก็คือคนชั้นหัวกะทิของประเทศและมีพื้นฐานการศึกษามาจากสถาบันชั้นนำ ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปมากมาย แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีให้เป็นจริงได้อย่างที่คิดไว้สักที
หากมองกันให้ดีเราอาจเห็น Egg Flower Soup มีปรัชญาที่แฝงอยู่ในชามซุป ว่าคนที่มีความเป็นเลิศทางความคิดย่อมมองเห็นโอกาสก่อนผู้อื่น แต่หาก “กล้าคิด กล้าพูด” เแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ “กล้าทำ” สิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริง ก็เท่ากับเราปล่อยให้โอกาสที่มีหลุดลอยไป
นอกเหนือจากเรื่องซุปไข่นี้แล้วผมเชื่อว่าผู้อ่านแต่ละท่านคงมีตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักจะมีโครงเรื่องที่ไม่แตกต่างกัน นั่นคือมีคนมากมาย มองเห็นโอกาส มองเห็นความสำเร็จ แต่ไม่กล้าลงมือทำด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการ
มาถึงวันนี้หากยังเห็นโอกาสของตัวเองอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่จะถ่วงความเจริญของตัวเองด้วยการนิ่งดูดาย ความสำเร็จยังรอเราอยู่เสมอ







