การจากไปก่อนวัยอันควรของ "น้องเอย"

หรือ เด็กหญิงมนัสนันท์ ทองภู่ วัยเพียง 3 ขวบ นักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ใน จ.สมุทรปราการ เพราะถูกครูลืมทิ้งไว้ในรถตู้รับส่งของโรงเรียน จน "น้องเอย" ต้องทนกับความร้อนระอุของแสงแดดและขาดอากาศหายใจนานหลายชั่วโมง กระทั่งสุดท้ายต้องสังเวยชีวิต ถือเป็นอุทาหรณ์ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของแวดวงการศึกษาไทยที่ทุกฝ่ายไม่ควรมองข้าม
O ความก้าวหน้าของการศึกษาบ้านเราในแง่ของปริมาณโรงเรียนและการเปิดสถานศึกษาอย่างมากมายในเชิง "ธุรกิจการศึกษา" นอกจากจะพิสูจน์ว่าสวนทางกับคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา เพราะคะแนนสอบโอเน็ตต่ำเตี้ยกว่ามาตรฐานแล้ว ยังสะท้อน "คุณภาพชีวิต" ของนักเรียนที่ตกต่ำจนยากจะยอมรับอีกด้วย
O พิจารณาเฉพาะในแง่ "รถรับส่งนักเรียน" จะพบว่าปัจจุบันนี้โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่งใช้วิธี "ให้สัมปทาน" ในกิจการรับส่งนักเรียนแก่กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ ซึ่งเป็นเอกชนที่แสวงหากำไรเช่นกัน วิธีการก็คือ "เปิดประมูล" กับทางโรงเรียนเพื่อให้ได้สิทธิในกิจการรับส่งนักเรียนที่ว่านั้น
O เมื่อกลุ่มธุรกิจรถตู้รายใดประมูลได้ ก็จะได้สิทธิเข้าไปบริหารจัดการ "กิจการรับส่งนักเรียน" ของโรงเรียนโดยเด็ดขาด โรงเรียนมักอ้างกับผู้ปกครองว่าการตกลงว่าจ้างเรื่องการรับส่งนักเรียนเป็นเรื่องของผู้ปกครองกับกลุ่มธุรกิจรถตู้ผู้ได้รับสัมปทานเท่านั้น ทางโรงเรียนไม่เกี่ยวข้องในรายละเอียด เพียงแต่กำหนดเกณฑ์ขั้นพื้นฐานเอาไว้ให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์ "ราคาเริ่มต้น" โดยมากอยู่ที่ 3 กิโลเมตรแรก 1,000 บาท (ต่อเดือนนะครับ ไม่ใช่ต่อเทอม)
O มีกรณีของผู้ปกครองนักเรียนที่้เคยร้องเรียนเข้ามา เล่าให้ฟังเป็นตัวอย่าง เช่น โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านถนนนิมิตรใหม่ เขตคลองสามวา โรงเรียนกำหนดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 3 กิโลเมตรแรก 800 บาท แต่บ้านที่ให้ไปส่งอยู่ห่างจากโรงเรียนแค่ 2.8 กิโลเมตร ทางผู้ประกอบการรถตู้กลับคิดราคา 1,000 บาทต่อเดือน และต่อมาขอขึ้นเป็น 1,200 บาท อ้างว่าต้องเข้าซอย ทั้งๆ ที่ซอยลึกแค่ 200-300 เมตร หนำซ้ำตอนไปส่งหรือไปรับก็ให้ไปรับ-ส่งที่ปากซอย รถไม่ต้องเข้าซอย
O เมื่อผู้ปกครองไปสอบถามเชิงทักท้วงว่าราคาน่าจะแพงเกินกว่าเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนกำหนด ก็ได้รับคำตอบแบบตัดรำคาญว่า "ถ้าอย่างนั้นผู้ปกครองก็ต้องไปส่งเอง" เท่ากับมัดมือชกไปในตัว เพราะผู้ประกอบการรถตู้ย่อมรู้ดีว่าผู้ปกครองจำนวนมากต้องทำมาหารายได้ (ก็เพื่อส่งลูกเรียนนั่นแหละ) ย่อมไม่มีเวลาไปรับหรือไปส่งเองอย่างสะดวกทุกวัน
O เมื่อไปร้องเรียนเอากับทางโรงเรียน ปรากฏว่าโรงเรียนให้คำตอบเพียงว่า "เป็นเรื่องของผู้ปกครองที่ต้องไปตกลงกับคนขับรถตู้เอาเอง" นี่คือความจริงอันเจ็บปวด
O รถตู้แต่ละคันรับส่งนักเรียนมากกว่า 20 คนต่อเที่ยว บางคันต้องนั่งตักกัน พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนใช้คำว่า "นั่งทับกัน" การไปรับ-ส่งนักเรียนกำหนดกลุ่มตามบ้านที่พักอาศัย เด็กในรถจึงคละกันทั้งเพศ วัย และชั้นเรียน เมื่อไม่มีการเช็คชื่อประสานกับทางโรงเรียนหรือครูประจำชั้นของเด็กแต่ละคน ครูจึงแทบไม่มีทางรู้ว่าเด็กที่ขาดหายไปจากห้องเรียนของตนเองในแต่ละวันนั้นได้ขึ้นรถตู้รับส่งในตอนเช้าหรือเปล่า...และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ "น้องเอย" ต้องเสียชีวิต
O กรณีของ "น้องเอย" ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะบุคคล แต่เป็นปัญหาของระบบ "ธุรกิจการศึกษา" ที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ต้องเข้ามาจัดการ!







