อีกด้านของคดีพระวิหาร

หรือคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 โดยวานนี้ (17 เม.ย.) เป็นการขึ้นให้การของฝ่ายไทย
หลังจากเมื่อวันที่ 15 เม.ย.กัมพูชา ได้แถลงไปก่อนใน ประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) กัมพูชา มิได้ขออุทธรณ์คดีหรือประสงค์จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาปี 2505 เพียงแต่ต้องการให้ศาลฯ ชี้ให้ชัดเจนว่า ขอบเขตดินแดนของกัมพูชาและบริเวณใกล้เคียงปราสาทที่ระบุไว้ในคำพิพากษาอยู่ที่ใด 2) กัมพูชา และไทยมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับคำพิพากษาและอธิบายว่า “แผนที่ภาคผนวก 1” หรือ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นส่วนของเหตุผลสำคัญที่ไม่อาจแยกจากคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 ได้ ดังนั้น กัมพูชาจึงอ้างว่าคำขอของกัมพูชาเข้าเงื่อนไขของการขอให้ศาลฯ ตีความคำพิพากษา 3) การตีความดังกล่าวจะทำไม่ได้หากไม่อ้างอิง “แผนที่ภาคผนวก 1” แนบท้ายคำฟ้องของกัมพูชาในคดีเดิม ซึ่งกัมพูชาเห็นว่า ศาลฯ ได้ยอมรับแล้วว่าเส้นบนแผนที่ดังกล่าวเป็นเส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชากับไทย 4) การปฏิบัติตามคำพิพากษาของฝ่ายไทยเมื่อปี 2505 เป็นการตีความคำพิพากษาตามความเข้าใจของไทยฝ่ายเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทพระวิหารตามมติคณะรัฐมนตรีของไทยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2505 กัมพูชาไม่ยอมรับ
>>> ช่วงบ่ายวานนี้ (17 เม.ย.) เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงเฮก วีรชัย พลาศรัย ขึ้นให้การทางวาจาเป็นปากแรก ตามด้วยคนที่ 2 ศ.โดนัล แม็คเรย์ คนที่ 3 เอริน่า ไมรอน ทนายความชาวโรมาเนีย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านแผนที่และกล้าพูดชัดเจนว่ากัมพูชาในแผนที่ปลอมในศษล คนที่ 4 ศ.อัลเลน เปลเล่ต์ เป็นคนชี้ให้เห็นว่าศาลไม่มีอำนาจรับคดีนี้ และไม่สามารถนำข้อ 60 มาใช้ได้ และคนที่ 5 ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด จากนั้นศ.โดนัล แม็คเรย์ กล่าวอธิบายในรอบ 2 และคนสุดท้าย ศ.อัลเลน เปลเล่ต์
>>> นอกจากนี้คณะทำงานยังได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่อีกคนในการเตรียมข้อมูลต่อสู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายมาติน แพรท และอริสแตร์ แม็คโดนัล
>>> เพื่อให้เห็นความสำคัญของแผนที่ที่ใช้ต่อสู้กันในศาล จำเป็นต้องรู้ "ที่มา" ของแผนที่กัมพูชา กล่าวคือในอดีตกัมพูชา เคยสู้รบกันเอง 5 ฝ่าย กระทั่งยูเอ็น เป็นฝ่ายเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย และเขียนรัฐธรรมนูญให้กับกัมพูชา โดย ม 2 ระบุว่า "ปัญหาเขตแดนกัมพูชาให้ใช้ 1:100,000 เท่านั้น"
>>> แผนที่1/100,000 จัดทำในปี ค.ศ.1933 - 1953 ก่อนศาลโลกตัดสินคดีพระวิหาร และแผนที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติในปี ค.ศ.1963 - 1969 หนึ่งปีหลังจากศาลโลกตัดสินคดีพิพาทพระวิหาร
>>> ในศาลโลก การขึ้นให้การด้วยวาจา ฝ่าย กัมพูชา พยายามอ้างแผนที่ภาคผนวก 1 หรือพนมดงรัก ระวาง 1:200,000 เท่ากับมีเจตนาเพื่อยึดบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตร.กม.ไปจากไทย เท่ากับทำขัดรัฐธรรมนูญ ของกัมพูชาเอง
>>> ผลของการทำขัดรัฐธรรมนูญภายใน ศาลโลกเคยมีคำตัดสินในอดีตที่ผ่านมาโดยเป็นการวางหลักการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยคำพิพากษาศาลโลกหลายคดีระบุชัด ว่า "กิจการใดจะสมบูรณ์ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ต้องสมบูรณ์ภายในก่อน" ระวางพนมดังรัก 1:200,000 ที่กัมพูชา อ้างในศาลโลกจึงใช้ไม่ได้เลย







